รถหมดระยะประกัน 5 สิ่งที่ต้องเปลี่ยน มีอะไรบ้างคุณต้องรู้!

อัพเดทเมื่อ Fri Jun 25 2021

https://tiresbid-images.s3.ap-southeast-1.amazonaws.com/2021-06-25/120205-1624597325-A2.webp
สวัสดีครับ ในเดือนนี้ก็มาพบกันกับ MR.CARRO แห่ง CARRO Thailand กันอีกครั้งนะครับ เรายังคงมาพร้อมกับสาระน่ารู้ดีๆ เกี่ยวกับรถยนต์เฉกเช่นเคยครับ

คุณผู้อ่านเคยสังเกตกันไหมครับว่า ช่วงนี้ รถยนต์ใหม่แทบทุกค่าย มียอดขายที่ชลอตัวลงจากผลกระทบของโควิด-19 ระลอกใหม่ ซ้ำเติมเหมือนกับในช่วงของปีที่แล้ว ทำให้หลายคน ไม่ต้องการมีหนี้เบ่งบานหลายปี ก็ตัดสินใจยืดอายุการใช้งานรถคันเดิมออกไปก่อน

หรือหันไปซื้อรถยนต์มือสองมาใช้แทน เพื่อเหลือเงินเก็บเพิ่ม ซึ่งตอนนี้ใครกำลังมองหารถยนต์มือสอง มานี่เลย CARRO Automall (คาร์โร ออโต้มอลล์) เรามีรถให้คุณรอเลือกเป็นเจ้าของอยู่หลายคันเลยครับ

โดยปกติแล้ว รถยนต์ส่วนใหญ่ผู้ผลิตเองก็มั่นใจในคุณภาพของสินค้า จึงรับประกันให้ถึง 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร ถ้ามากหน่อยก็ถึง 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตร ก็มี แต่หลังจากนั้นล่ะ ปัญหาจุกจิก ก็จะเริ่มตามมาเป็นของธรรมดาแล้ว

แล้วอะไรบ้างที่ต้องเปลี่ยน หลังจากใช้งานรถยนต์จนหมดระยะประกัน มาดูกัน …


1. ระบบเบรก

ระบบเบรกถือเป็นหัวใจสำคัญของรถเลยก็ว่าได้ เพราะว่าขับเบรกแต่เบรกไม่ได้ก็ตัวใครตัวมัน เมื่อใช้รถมาครบ 100,000 กิโลเมตรแล้ว ลองตรวจเช็คพวกผ้าเบรก, น้ำมันเบรก, แม่ปั้มเบรก, สายอ่อนเบรก หรือสภาพจานดิสก์เบรก และดรัมเบรกดูหน่อย ว่าสภาพสีน้ำมันเบรกเป็นอย่างไร ความหนาของผ้าเบรกเหลือกี่มิลลิเมตร จานเบรกมีรอยเส้นลึกมากหรือยัง หรือเหยียบเบรกแล้วมีเสียงเอี้ยดๆๆๆๆ หรือไม่

ถ้ามีอาการดังกล่าวข้างต้น ก็ควรเปลี่ยนใหม่ กรณีน้ำมันเบรกสีเริ่มดำ ก็ไล่น้ำมันเบรกเดิมทิ้ง เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเบรกใหม่ จานเบรกเป็นรอยเยอะ ก็ลองเจียรจานเบรกใหม่ดูก่อน แต่ถ้าจานเบรกบางมากแล้ว เปลี่ยนแผ่นใหม่เลยดีกว่า หรือผ้าเบรกหมดแล้ว ก็เปลี่ยนชุดใหม่เลย

2. หม้อน้ำ

ระบบระบายความร้อน ถือว่าสำคัญมากไม่แพ้กัน ยิ่งรถยนต์ในเมืองร้อนนี่ยิ่งสำคัญ แม้ว่าชิ้นส่วนหลายอย่าง จะออกแบบมาให้ใช้ได้มากกว่า 100,000 กิโลเมตรก็ตาม

ซึ่งรถบางคัน หม้อน้ำเริ่มมีผุ รั่ว ท่อยางหม้อน้ำเริ่มแข็ง วาล์วน้ำ หรือพัดลมหม้อน้ำ เริ่มทำงานช้า ฝาหม้อน้ำไม่ดี กักน้ำไม่อยู่ หรือมีอาการปะเก็นฝาสูบเริ่มโก่งงอ น้ำในหม้อน้ำมีสีเหมือนโกโก้ หรือเริ่มมีน้ำดัน ก็รีบจัดการเปลี่ยนเลยดีกว่าครับ


3. สายพาน, ปั้มน้ำ
ระบบสายพานต่างๆ ในรถยนต์มีทั้งสายพานไทม์มิ่ง สายพานแอร์ สายพานหน้าเครื่อง หรือสายพานพวงมาลัยเพาเวอร์ (ในรถรุ่นเก่าๆ ที่ไม่ได้ใช้พวงมาลัยไฟฟ้า) ก็ตาม ถ้าหากคุณใช้งานมาตั้งแต่ออกรถป้ายแดง ของเหล่านี้ส่วนใหญ่จะหมดอายุช่วงราวๆ 100,000 กิโลเมตรพอดี (แต่บางคัน ก็อาจจะเร็ว หรือช้า ขึ้นอยู่กับสภาวะในการใช้งาน)

เอาเป็นว่า ถ้าสตาร์ทรถแล้วมีอาการสายพานเสียงดังเอี้ยดๆๆๆ หรือ เริ่มสังเกตเห็นมีเส้นลวดของสายพานเปื่อย หรือขาดออกมาบ้างแล้ว เปลี่ยนเลยนะครับ ก่อนที่สายพานจะขาดแล้วไปฟาดกับส่วนต่างๆ ในห้องเครื่องยนต์ตอนขับรถ

ส่วนปั้มน้ำในรถยนต์ นี่ก็สำคัญมากนะครับ ถือเป็นชิ้นส่วนสำคัญในการระบายความร้อนเครื่องยนต์เลย ควรเปลี่ยนทุกๆ 200,000 กิโลเมตร แต่ถ้าเริ่มมีเสียงดังเพราะลูกปีนสึกหรอ หรือซีลปั้มน้ำเริ่มรั่ว เปลี่ยนได้เลยก่อนที่รถจะความร้อนขึ้น

4. ไส้กรองต่างๆ

ในรถยนต์มีไส้กรองใช้กันอยู่หลายชนิดด้วยกัน อาทิ ไส้กรองอากาศ, ไส้กรองน้ำมันเชื้อเพลิง, ไส้กรองแอร์ เป็นต้น ซึ่งแต่ละแบบกมีอายุการใช้งานไม่เท่ากัน ตั้งแต่ 20,000 - 40,000 กิโลเมตร  

ตามปกติแล้ว เวลาเราถ่ายน้ำมันเครื่อง ถ้าไปถ่ายตามศูนย์บริการข้างนอก ส่วนมากก็ไม่ต้องเป็นกังวลนัก เพราะมักเปลี่ยนไส้กรองน้ำมันเชื้อเพลิงไปด้วย แต่ในส่วนของไส้กรองอากาศ กับไส้กรองแอร์ นี่ต้องดูหน่อย ถ้าสกปรกก็ควรเปลี่ยนใหม่ เพื่อให้เครื่องยนต์ทำงานได้เต็มที่ และคนนั่งในรถจะได้ลมแอร์สะอาดๆ


5. น้ำมันจุดต่างๆ

ในรถยนต์ของเรา ต้องใช้น้ำมันเป็นส่วนประกอบต่างๆ ที่มากกว่าน้ำมันเครื่องยนต์ ที่ต้องเปลี่ยนกันตั้งแต่ 3,000 ถึง 10,000 กิโลเมตร/ครั้ง อยู่แล้ว และน้ำมันเบรก (อันนี้พูดถึงไปแล้วด้านบน) นั่นคือ น้ำมันเกียร์ น้ำมันคลัทช์ น้ำมันเฟืองท้าย หรือน้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์ เป็นต้น

ซึ่งน้ำมันแต่ละชนิด ก็ให้ระยะการใช้งานที่ไม่เท่ากัน เอาเป็นว่าสังเกตจากสีที่เริ่มเปลี่ยนไป หรือมีเศษตะกอนต่างๆ หรือน้ำปนอยู่ ก็หาโอกาสถ่ายของเก่าออก แล้วเติมของใหม่ไปเลยครับ เพราะทิ้งไว้นาน จะเพิ่มความสึกหรอของส่วนต่างๆ มากขึ้น

สุดท้ายนี้ หากใครที่ต้องการขายรถคันเดิม เพื่อเปลี่ยนรถป้ายแดงคันใหม่ หรือรถมือสองคันใหม่ เราขอแนะนำ CARRO Express (คาร์โร เอ็กซ์เพรส) นั่นเอง ช่วยให้คุณปิดการขายรถ ได้รับเงินภายใน 24 ชั่วโมง! เพียงแค่กรอกรายละเอียดรุ่นรถ ปี เลขไมล์ ราคาที่คุณต้องการ และรูปรถของคุณ ก็สามารถขายรถออนไลน์ได้แล้ว ง่ายนิดเดียว

ทีนี้ก็รอการติดต่อกลับมาจากทางทีมงาน CARRO เพื่อตกลงราคาที่คุณพึงพอใจที่สุด ก่อนจะมาตรวจดูสภาพรถอีกที ถ้าคุณ OK ตกลง ก็พร้อมปิดการขาย ทำสัญญาซื้อขายรถ และรับเงินสดไปได้เลย!

หากใครมีข้อสงสัย สามารถ Inbox มาสอบถามก็ได้เช่นกัน ที่ Facebook CARRO Thailand หรือจะสะดวก Add Line มาสอบถามได้ที่ @Carrothai ครับ