บทความรู้ สตาร์ท! กุญแจรถอย่างถูกต้องง่ายมาก By Tiresbid

อัพเดทเมื่อ Mon Nov 14 2022

https://tiresbid-images.s3.ap-southeast-1.amazonaws.com/2021-12-07/162839-1638869319---22.12.2021-715x380-cover.webp
     สวัสดีครับชาว Tiresbid ทุกท่านพบกับ จอร์จไทร์บิด ผู้เชี่ยวชาญยางรถยนต์ กันอีกเช่นเคยนะครับ พร้อมแนะนำเรื่องยาง เรื่องง่ายและเกร็ดความรู้ดีๆมากมาย ให้ได้อ่านกันแบบฟรีๆเป็นประจำที่ Tiresbid Blog เท่านั้น ถ้าเพื่อนๆชอบรับชมวิดิโอต้องไม่พลาด ! รีวิวยาง & บทความรู้ดีๆบน YouTube : http://bit.ly/TiresbidYoutube

     จอร์จ บอกเลยว่าพี่ๆขับรถยุโรปหรือเพื่อนๆใช้รถรุ่นใหม่ๆมักจะเป็นแบบ Push Start กันหมดแล้ว ซึ่งอย่างน้อยก็คงต้องเคยเห็นหรือรู้จักกันบ้างไม่มากก็น้อยครับ กับวิธีสตาร์ทรถแบบคลาสิคด้วยกุญแจรถนั่นเองครับ เชื่อจอร์จเถอะครับ ด้วยความที่มันง่ายซะเหลือเกิน เลยทำให้เพื่อนๆหลายๆคน อาจมองข้ามการสตาร์ทรถยนต์อย่างถูกวิธี เพื่อยืดอายุมอเตอร์สตาร์ท(ไดสตาร์ท) และชิ้นส่วนต่างๆ ของเครื่องยนต์ให้มีสุขภาพดีและอยู่คู่รถของเราไปนาน ๆ วันนี้ จอร์จไทร์บิด ขอนำเสนอเทคนิคการสตาร์ทรถอย่างถูกวิธีไปพร้อมกันครับ


 
เริ่มต้นด้วยการรู้จักตำแหน่งต่าง ๆ ของสวิตช์กุญแจรถยนต์กันก่อน
- ตำแหน่งแรกคือ Lock เมื่อเราเสียบกุญแจเข้าไป เป็นตำแหน่งที่เครื่องยังดับอยู่ และยังใช้ล็อกพวงมาลัย

- ตำแหน่งที่สอง ACC เป็นตำแหน่ง ในการใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ เพื่อเปิดใช้งานอุปกรณ์ไฟฟ้าต่าง ๆ ภายในรถโดยไม่ต้องสตาร์ทเครื่อง แต่ไม่ควรใช้เป็นเวลานาน ๆ เนื่องจากจะส่งผลให้แบตเตอรี่หมด จนไม่เหลือพอในการสตาร์ทเครื่องยนต์ได้

- ตำแหน่งที่สาม On ในตำแหน่งนี้แรงดันไฟฟ้าจะถูกจ่ายไปยังระบบต่าง ๆ โดยมีไฟเตือนโชว์บนหน้าปัด เพื่อแสดงสถานะความพร้อมใช้งาน

- ตำแหน่งที่สี่ Start ในตำแหน่งนี้ เมื่อเราบิดกุญแจไฟฟ้าจะถูกจ่ายไปยังมอเตอร์สตาร์ท(ไดสตาร์ท) เพื่อหมุนฟลายวีล ที่ติดอยู่กับชุดเพลาข้อเหวี่ยงเพื่อฉุดให้เครื่องยนต์หมุน ในขณะเดียวกันนั้นระบบจุดระเบิดก็จะทำงานส่งผลให้เครื่องยนต์ติดในที่สุด อย่างไรก็ตามในตำแหน่งนี้ต้องปล่อยมือเมื่อเครื่องยนต์ติด หากบิดค้างไว้จะส่งผลให้เฟืองมอเตอร์สตาร์ท และ เฟืองฟลายวีล เสียหายได้
การสตาร์ทอย่างถูกวิธี


 
- เริ่มต้นด้วยการ ตรวจตำแหน่งการเกียร์ ถ้าเป็นเกียร์อัตโนมัติ ต้องอยู่ในตำแหน่ง P หรือ N ถ้าอยู่ในตำแหน่งอื่นก็แค่สตาร์ทไม่ติดเท่านั้น แต่ในเกียร์ธรรมดาจะแตกต่างออกไป หากไม่ได้ปลดเกียร์ว่างก่อนสตาร์ทอาจส่งผลให้รถพุ่งชนสิ่งต่าง ๆ ที่ขวางหน้าจนเกิดความเสียหายได้


 
- ปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าในรถทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นแอร์ วิทยุ และอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ เพื่อให้ได้กำลังไฟสูงสุดจากแบตเตอรี่ จ่ายไปยังระบบสตาร์ท บางท่านคงคิดว่าไม่เห็นต้องปิดก็สตาร์ทได้ จริงอยู่ว่าสามารถทำได้ แต่จะเป็นการเพิ่มภาระให้มอเตอร์สตาร์ทและเครืองยนต์ทำงานหนัก ส่งผลให้เกิดการสึกหรอมากขึ้น และในกรณีที่แบตเตอรี่เริ่มเสื่อมอาจทำให้ไม่มีกำลังไฟเพียงพอในการสตาร์ทเครื่องยนต์


 
- ตรวจสอบไฟเตือน เมื่อบิดกุญแจไปในตำแหน่ง On ควรตรวจสอบว่าไฟแสดงสถานะของระบบต่าง ๆ โชว์บนหน้าปัดครบและดับลง นอกจากนั้นควรสัเกต ว่ามีสิ่งผิดปกติหลังเครื่องยนต์ติดหรือไม่ ทั้งอาการสั่นของเครื่องยนต์ หรือ เสียงที่ผิดปกติ


 
- ไม่สตาร์ทแช่-ยาว เมื่อรถสตาร์ทติดยากไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด ๆ ก็ตาม ควรหลักเลี่ยงการสตาร์ทแช่ยาวเกิน 15 วินาที เพราะจะส่งผลให้มอเตอร์สตาร์ทเสียหายได้ นอกจากนี้ต้องเว้นระยะห่างในการสตาร์ทครั้งต่อ 15 วินาทีเป็นอย่างน้อย
ทั้งหมดนี้ก็เป็นวิธีง่ายๆ จอร์จ อยากให้เพื่อนช่วยสละเวลาเพียงเล็กน้อยเอาใจใส่ การสตาร์ทอย่างถูกวิธี กันสักหน่อย จะช่วยให้รถยนต์ของเพื่อนๆมีสุขภาพดีและยังช่วยเซฟเงินในกระเป๋าได้อีกด้วยครับ

          หากเพื่อนๆมีข้อสงสัยสะดวก Chat มาสอบถามที่ LINE Official : @tiresbid ได้เลยนะครับ (ฟรี ! ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญยางรถยนต์) จอร์จและทีมงานมืออาชีพพร้อมแนะนำดูแลยางรถยนต์ ตอบทุกข้อสงสัย กันแบบส่วนตัว และติดตามโปรโมชั่นพิเศษบน Facebook : Tiresbidonline กด See First รับข้อมูลก่อนใคร จะได้ไม่พลาดสิทธิพิเศษมากมายทุกเดือน มั่นใจยางออนไลน์คุณภาพ & ไว้ใจบริการยางไทร์บิด แล้วพบกันใหม่ครับผม

2.ติดต่อไทร์บิด
- โทร : 090-986-8762 / 090-958-7416       - Line Official : @tiresbid │https://lin.ee/717tUdr
- Inbox : m.me/Tiresbidonline        - เวลาทำการ : วันจันทร์ - วันเสาร์ 08.30 - 17.30 น. (หยุดวันอาทิตย์)
- YouTube : http://bit.ly/TiresbidYoutube    - Facebook Tiresbid Group : http://bit.do/TiresbidGroup