สำหรับการติดติดตั้งฟิล์มกรองแสงมาใหม่ๆ ก่อนอื่นคุณจะต้องรู้จักวิธีการดูแลกระจกรถ และเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น เพราะในช่วงแรกที่ติดตั้งฟิล์มกรองแสงใหม่ หากเราไม่ระวังก็อาจทำให้ฟิล์มหลุดเสียหายได้ แถมต้องเสียเงินไปติดตั้งใหม่อีก แต่ถ้าเราดูแลรักษากระจกรถอย่างดี จะช่วยยืดอายุการใช้งานของฟิล์มกรองแสงไปในตัวด้วย
1. อย่าเพิ่งเลื่อนกระจกขึ้น-ลง
สิ่งสำคัญเลยคือ ห้ามเลื่อนกระจกขึ้น-ลง ภายในเวลา 7 วันหลังจากที่ติดตั้งเสร็จ เพราะเป็นช่วงฟิล์มกาวเซตตัวกับกระจก อาจทำให้ฟิล์มหลุดลอกออกได้
2. อย่าใช้น้ำยาล้างกระจกล้างรถ
เนื่องจากน้ำยาล้างกระจกบางยี่ห้อ ก็มีส่วนผสมของสารแอมโมเนีย ซึ่งจะทำปฏิกิริยากับฟิล์มกาว ทำให้เสื่อมสภาพได้ง่าย หากจำเป็นต้องทำความสะอาดรถให้ล้างด้วยน้ำสะอาดอย่างเดียว ภายใน 3 อาทิตย์หลังจากติดตั้งฟิล์มกรองแสงเสร็จ
3. ห้ามถู ขัด แรง
เป็นข้อที่ควรระวังมากๆ เราจะต้องหลีกเลี่ยงการเช็ดฟิล์มกระจก จนกว่าจะพ้น 3 อาทิตย์ เพื่อรอให้ฟิล์มกาวเซ็ตตัวให้ดีก่อน มิเช่นนั้นอาจจะทำให้ฟิล์มเสียหายไปเลย ขอย้ำ! ห้ามทำเด็ดขาด
ถ้ากระจกมัว เป็นเงา หรือมีลักษณะคล้ายมีน้ำขังอยู่ สาเหตุมาจากน้ำระหว่างฟิล์มกรองแสงกับกระจกรถเพราะกวาดน้ำออกระหว่างติดฟิล์มไม่หมด แต่ไม่ต้องกังวลใจ เพียงเเค่ทิ้งไว้ อาการเหล่านี้จะหายไปเองภายใน 1-4 สัปดาห์ แต่ถ้าคุณตรวจสอบแล้วว่าไม่ใช่คราบน้ำขัง ให้นำรถเข้าศูนย์ติดตั้งฟิล์มและตรวจสอบทันที
4. ห้ามเช็ดด้วยผ้าหยาบ หรือ หนังสือพิมพ์
อีกทั้งห้ามใช้ผ้าหยาบๆ เช็ดกระจกรถ รวมถึงขนแปรง กระดาษหนังสือพิมพ์ สก็อตไบร์ท และวัสดุอื่นๆ ที่ทำให้ฟิล์มกรองแสงรถยนต์เสียหาย นอกจากทำให้ฟิล์มหลุดออกมาแล้ว ยังทำให้ฟิล์มกรองแสงเสื่อมสภาพเร็วขึ้นด้วย
หากจำเป็นต้องทำความสะอาดฟิล์ม เราควรใช้ผ้าไมโคไฟเบอร์ สำหรับเช็ดกระจกรถด้านที่ติดฟิล์ม และควรทำอย่างเบาๆ เพื่อรักษาเนื้อฟิล์ม
5. ไม่ควรเปิดระบบละลายฝ้า

ในช่วง 30 วันแรกหลังที่ติดฟิล์มกรองแสง งดใช้ระบบละลายฝ้าไปก่อน เนื่องจากระบบละลายฝ้าอาจทำให้คุณสมบัติของฟิล์มเสียหาย ซึ่งไม่คุ้มแน่นอนที่จะต้องติดตั้งฟิล์มใหม่อีก เสียทั้งเงินและเวลา
เพราะว่า
ประโยชน์ของฟิล์มติดรถยนต์ มีมากมาย เราควรรู้จักวิธีดูแลฟิล์มติดตั้งรถยนต์ ให้มีคุณภาพ ยืดอายุการใช้งานได้นานๆ ซึ่งฟิล์มกรองแสงบางประเภทก็สามารถใช้งานได้ถึง 7-10 ปีเลย ไม่ต้องเสียเงินมาเปลี่ยนบ่อยๆ หลังจากที่ฟิล์มแห้งสนิทแล้วกาวจะทำงานอย่างเต็มที่ ไม่ต้องกังวลเรื่องนี้เลย
สุดท้ายนี้อย่าลืมซื้อประกันรถยนต์ ให้คุ้มครองตัวคุณ ค่าซ่อมรถของคุณและรถคู่กรณีจากอุบัติเหตุ อย่างน้อยๆ ประกันก็จะช่วยเเบ่งเบาค่าใช้จ่ายให้กับคุณ อุ่นใจทุกครั้งเมื่อขับขี่
ขอบคุณข้อมูลจาก:
bolttech.co.th