เศษหินและเศษกรวดบนท้องถนนไม่เคยปรานีใคร ลองได้ขับรถทับลงไปก็มีอันต้องเรียกหาช่างปะยางกันให้วุ่น ปัจจุบันการปะยางแบ่งออกได้หลายวิธี แต่ละวิธีก็มีข้อดี - ข้อเสียต่างกันไป มาดูกันว่า รอยรั่วที่กำลังกวนใจคุณอยู่ในขณะนี้ ปะยางแบบไหนดีที่สุด!
1. ปะยางแบบแทงไหม
การปะยางแบบแทงไหม หรือเรียกอีกอย่างว่า “ตัวหนอน” เหมาะสำหรับใช้เพื่อแก้ปัญหาชั่วคราว โดยทั่วไปมักใช้กับรถจักรยานยนต์ เพราะสามารถจัดการได้ง่ายในเวลาอันสั้น ขั้นตอนทั้งหมดจะเริ่มที่การดึงสิ่งแปลกปลอมออกจากยาง แล้วขยายรูรั่วให้กว้างขึ้นด้วยเหล็กแท่งยาว ก่อนนำใยไหมมาแทงซ้ำลงไปเพื่ออุดรอยรั่ว และตัดแต่งไหมส่วนเกินให้เรียบพอดีกับหน้ายาง ข้อดีของการปะยางแบบนี้ คือสะดวก รวดเร็ว และไม่ต้องถอดล้อรถ แต่ข้อเสียคือไม่คงทน และยังมีรอยเล็ก ๆ ให้อากาศไหลผ่านได้ จึงไม่เหมาะกับรอยรั่วใหญ่ ๆ หรือยางของรถที่ต้องบรรทุกของหนัก ๆ
2. ปะยางแบบสตรีมร้อน
สำหรับรถยนต์หรือรถบรรทุกขนาดใหญ่ เมื่อประสบปัญหายางรั่ว ช่างมักเลือกใช้การปะยางแบบสตรีมร้อน เนื่องจากทนทานกว่าและสามารถใช้งานต่อได้จนยางเสื่อมสภาพ การปะยางด้วยวิธีนี้จะเริ่มจากการถอดล้อออกจากรถ และใช้แผ่นยางขนาดเล็กปิดทับรอยรั่วจากด้านใน จากนั้นใช้ความร้อนสมานแผ่นยางกับตัวยางให้เป็นเนื้อเดียว ข้อดีคือทนทานกว่าแบบแทงไหม แต่ข้อเสียคือความร้อนที่ใช้อาจส่งผลต่อโครงสร้างยาง ซึ่งอาจทำให้ยางบวมจนเสียรูปทรงได้
3. ปะยางแบบสตรีมเย็น
การแก้ไขปัญหายางรั่ววิธีสุดท้าย คือการปะยางแบบสตรีมเย็น ซึ่งจะต้องถอดล้อรถและใช้แผ่นยางปิดทับรอยรั่วจากด้านในเช่นเดียวกับแบบสตรีมร้อน แต่มีข้อแตกต่างเล็กน้อย ตรงที่ใช้กาวแบบพิเศษเพื่อปิดทับรอยรั่ว รีดให้แน่น และรอให้แห้ง โดยไม่ต้องใช้ความร้อน ข้อดีคือยางจะไม่เสียรูปทรง แต่ข้อเสียคือใช้เวลานาน และต้องระวังเรื่องการบรรทุกน้ำหนัก
“ปะยางแบบไหนดี?” คือคำถามที่มาพร้อมความกังวล เพราะทำให้การสัญจรต้องหยุดชะงัก และทำให้คุณต้องเสียเวลา จะดีกว่าไหม? หากทุก ๆ กิโลเมตรบนท้องถนนของคุณจะมีแต่ความสบายใจ และไม่ต้องกังวลกับปัญหานี้
Drive Car Rental ขอแนะนำบริการรถเช่าคุณภาพดี ทั้ง
รถเช่ารายวันและ
รถเช่ารายเดือน การันตีตรวจเช็กสภาพรถอย่างสม่ำเสมอ พร้อมบริการกรณีเกิดเหตุฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง
ขอบคุณข้อมูลจาก
Sanook, ktn