รถยนต์ดับกลางน้ำท่วม แก้ปัญหายังไงดี?

อัพเดทเมื่อ Wed Sep 14 2022

https://tiresbid-images.s3.ap-southeast-1.amazonaws.com/2022-09-14/110904-1663128544-Backlink-bolttech-x-Tiresbid---header.webp
เข้าสู่หน้าฝนทีไร มักเจอกับปัญหาน้ำท่วม ผู้ขับขี่ต้องเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น อันดับแรกก่อนขับรถลุยน้ำ คุณต้องประเมินระดับน้ำให้ก่อน โดยเฉพาะรถยนต์คันเล็กๆ หากระดับน้ำอยู่ประมาณครึ่งล้อก็พอลุยได้ แต่ถ้าขับรถจู่ๆ รถดับกลางน้ำท่วมทำยังไงดี? สิ่งสำคัญคุณจะต้องตั้งสติให้ดี แล้วทำตามวิธีเบื้องต้นนี้ก่อน
 
1. ห้ามสตาร์ทรถ 
กรณีรถดับกลางน้ำท่วม “ห้ามสตาร์ทรถ” เด็ดขาด เนื่องจากอาจทำให้น้ำเข้าเครื่องยนต์ ทำให้รถพังเร็วขึ้น คุณควรตั้งสติแล้วบิดกุญแจดับเครื่องยนต์


2. เปิดไฟฉุกเฉิน 
การเปิดไฟฉุกเฉิน เป็นการส่งสัญญาณเตือนให้ผู้อื่นรู้ว่ารถของคุณมีปัญหา เพื่อให้รถคันอื่นเลี่ยงไปเส้นทางอื่น แก้ปัญหารถติด และช่วยป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นบนท้องถนนได้  
  
3. ย้ายรถออกจากบริเวณน้ำท่วม 
ต่อมาให้คุณรีบติดต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือขอความช่วยเหลือจากบริษัทประกันภัย เพื่อติดต่อขอรถยก รถลาก แล้วให้เจ้าหน้าที่เข็นรถออกจากบริเวณน้ำท่วมไปยังบริเวณที่แห้ง


4. เปิดฝากระโปรงรถตรวจสอบ 
หลังจากนำรถมาบริเวณพื้นที่แห้ง ให้เปิดฝากระโปรงรถตรวจสอบ และถอดขั้วแบตเตอรี่ออกทั้ง 2 ขั้ว เพราะไม่ให้ไฟเข้าไปเลี้ยงระบบต่างๆ ของเครื่องยนต์ และถอดปลั๊กไฟทุกตัวในห้องเครื่อง 

5. ตรวจสอบระบบกรองอากาศ (ท่อไอดีของเครื่องยนต์)  
โดยสังเกตจากหม้อกรองอากาศ ด้วยการเปิดฝาออก และดูแผ่นกรองว่าแห้งหรือไม่ ถ้ามีน้ำแสดงว่าที่รถดับสาเหตุอาจเกิดจากน้ำเข้าท่อไอดีของเครื่องยนต์ แต่ถ้าไส้กรองอากาศแห้งอาจเป็นเพราะระบบไฟฟ้าช็อต กรณีน้ำเข้าท่อไอเสียส่งผลให้รถดับได้เช่นกัน แนะนำให้ช่างเข้ามาตรวจสอบจะดีกว่า


6.  ต่ออุปกรณ์ต่างๆ ให้เข้าที่ 
น้ำท่วมรถจะทำให้รถมีกลิ่นเหม็นอับ แนะนำให้คุณจอดรถตากแดดทิ้งไว้ก่อน เพื่อให้อุปกรณ์ต่างๆ ของเครื่องยนต์แห้งดี รวมถึงตรวจสอบน้ำที่อาจขังอยู่ในขอบลูกยางต่างๆ ของอะไหล่รถ หลังจากที่จอดรถแห้งแล้วให้จัดการใส่อุปกรณ์ ต่อระบบไฟฟ้าต่างๆ ให้กลับมาสู่ที่เดิม และลองสตาร์ทรถ เพื่อเหยียบเบรกย้ำๆ ไล่น้ำออกด้วย


7. รถสตาร์ทไม่ติด นำรถเข้าอู่ซ่อมรถ 
หากรถสตาร์ทไม่ติด หรือ รถสตาร์ทติดแล้วดับ ให้นำรถเข้าอู่ซ่อมที่ใกล้ที่สุด เพื่อให้ช่างตรวจสอบทั้งในห้องเครื่อง น้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ เฟืองท้าย ถังน้ำมันเชื้อเพลิง ถอดหัวเทียน แผงฟิวส์ และหม้อกรองอากาศ เป็นต้น ว่าอุปกรณ์เหล่านี้มีชิ้นส่วนใดเสียหาย หรือชำรุดหรือไม่ หากชำรุดหรือเสียหายก็ให้ช่างจัดการซ่อมต่อไป


แต่ถ้าคุณมีประกันรถยนต์ชั้น 1 ยิ่งสบายใจเลย เพราะครอบคลุมถึง “ภัยธรรมชาติ” ด้วย ซึ่งน้ำท่วมถือเป็นภัยธรรมชาติที่อยู่ในประกันภัยประเภทนี้ เพียงคุณติดต่อบริษัทประกัน เพื่อขอความช่วยเหลือ ก็จะช่วยให้คุณรับมือกับปัญหาน้ำท่วมรถได้อย่างรวดเร็ว หน้าฝนนี้ต้องมีประกันชั้น 1 ไว้เลยครับ

ขอบคุณข้อมูลจาก: bolttech.co.th