5 จุดที่ต้องเช็กรถยนต์ในช่วงหน้าร้อน

อัพเดทเมื่อ Wed Apr 26 2023

https://tiresbid-images.s3.ap-southeast-1.amazonaws.com/2023-04-26/102000-1682479200-Backlink-bolttech-x-Tiresbid--header.webp
     เตรียมพร้อมก่อนขับรถเที่ยว ขับรถทางไกล มีจุดเช็กรถยนต์ในช่วงหน้าร้อนตรงไหนบ้างที่ควรสำรวจ ทั้งการตรวจสอบหม้อน้ำ เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง เช็กลมยางรถยนต์ เป็นต้น ล้วนเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ขับขี่ไม่ควรลืม เพราะอากาศที่ร้อนจัดๆ อาจทำให้เครื่องยนต์ทำงานหนัก เครื่องยนต์ร้อนสูงได้ง่าย ต้องดูแลเป็นพิเศษมากขึ้น  
 
1. ตรวจสอบระดับน้ำในหม้อน้ำ 


     หม้อน้ำ ถือเป็นชิ้นส่วนที่ระบายความร้อนของเครื่องยนต์ หากคุณไม่เติมน้ำในหม้อน้ำตามปริมาณที่กำหนด อาจทำให้เครื่องยนต์ไม่สามารถระบายความร้อนได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ เครื่องยนต์ร้อนสูง ทั้งนี้เรามีวิธีตรวจสอบระดับน้ำในหม้อน้ำง่ายๆ ด้วยการสังเกตระดับน้ำต้องอยู่ตามขีดที่กำหนดเช่น น้ำยาหล่อเย็นต้องถึง FULL (ขีดบน) และอย่าอยู่ต่ำกว่า LOW (ขีดล่าง) และน้ำที่ใช้ต้องไม่เป็นน้ำปะปา จึงควรใช้น้ำยาหล่อเย็นในการเติมหม้อน้ำในรถยนต์
  
2. ตรวจสอบระบบปรับอากาศในรถ 


     แอร์ภายในรถ อีกหนึ่งอุปกรณ์ที่สำคัญของเครื่องยนต์ เนื่องจากในช่วงหน้าร้อนระบบแอร์ในรถจะหนักงานหนัก ดังนั้นคุณควรตรวจสอบระบบปรับอากาศ และระดับน้ำยาแอร์ หากพบว่าน้ำยาแอร์หมดหรือน้ำยาแอร์เหลือน้อย อาจทำให้แอร์รถยนต์ไม่เย็น มีแค่ลมร้อนเท่านั้น ส่วนวิธีแก้ไขคือ ให้รีบเติมน้ำยาแอร์โดยเร็วที่สุด  

     แล้วอย่าลืมตรวจสอบที่กรองอากาศแอร์ด้วยว่า มีสิ่งสกปรกเข้าไปอุดตันหรือไม่? หากพบว่าที่กรองแอร์สกปรก ควรถอดออกมาเป่าหรือล้าง ทำความสะอาด หรือเปลี่ยนใหม่ เพื่อไม่ให้ระบบแอร์เกิดปัญหา โดยเฉพาะในช่วงหน้าร้อนควรตรวจสอบเป็นอย่างยิ่ง
 
3. ตรวจขอบยางประตูและที่ปัดน้ำฝน 


     เนื่องจากความร้อนของอากาศ อาจทำให้วัสดุยางเกิดละลายจนเหนียว หรือทำให้คุณภาพการใช้งานไม่มีประสิทธิภาพ เช่น ที่ปัดน้ำฝนอาจทำให้กระจกเป็นรอย ขอบหน้าต่าง ขอบระตู กระโปรงท้าย เราควรหมั่นเปิด-ปิดให้ยางได้ขยับบ้าง กรณีพบว่าเสื่อมสภาพควรเปลี่ยนใหม่ทันที 
 
4. ตรวจสอบน้ำมันเครื่อง 


     ในช่วงฤดูร้อนนี้ มีโอกาสที่เครื่องยนต์ร้อนสูงได้ง่าย อาจทำให้เครื่องยนต์ทำงานหนัก ผู้ขับขี่ควรเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องสม่ำเสมอ และเลือกใช้น้ำมันเครื่องที่เหมาะสมกับรถ โดยน้ำมันเครื่องจะช่วยทำให้เครื่องยนต์สะอาด ลดการตกตะกอน หรือเขม่าคราบยางเหนียวต่างๆ และช่วยยืดอายุการทำงานของเครื่องยนต์ได้  

     ทั้งนี้การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง อยู่ที่ประมาณทุก 6 เดือน หรือทุกๆ 8,000-10,000 กิโลเมตร แต่ก็ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการใช้งานรถยนต์ด้วย เช่น ถ้าคุณใช้งานรถบ่อยๆ เดินทางไกลบ่อยๆ อาจเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเร็วขึ้นกว่าเดิม นอกจากนี้ระยะเวลาเปลี่ยนยังขึ้นอยู่กับประเภทของน้ำมันเครื่องด้วยเช่น น้ำมันเครื่องธรรมดา (Synthetic) น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ (Semi Synthetic) น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ (Fully Synthetic) แต่ละชนิดก็มีคุณสมบัติต่างกันไป 

5. หมั่นเติมลมยางรถสม่ำเสมอ 


     รู้หรือไม่ว่า? อากาศร้อนๆ ก็ส่งผลต่อลมยางเช่นเดียวกัน เพราะอาจทำให้แรงดันในยางสูงขึ้นมากกว่าปกติ แก้มยางอาจมีการขยับตัวฉีกจนทำให้ยางระเบิดได้ เป็นอันตรายมากๆ แนะนำให้ผู้ขับขี่ตรวจสอบลมยางให้รอบคอบ ซึ่งเจ้าของรถควรเพิ่มลมยางขึ้นประมาณ 2 ถึง 3 ปอนด์ต่อตารางนิ้วหากจำเป็นต้องใช้รถเดินทางไกลในช่วงอากาศร้อน แล้วอย่าลืมตรวจสอบว่ายางรั่วซึมหรือมีรอยฉีกขาดหรือไม่ เพื่อความปลอดภัยขณะขับขี่โดยเฉพาะขับรถทางไกล ต้องระวังให้ดีเลยทุกท่าน

     ก่อนที่คุณจะขับรถไปเที่ยวไหน อย่าลืมซื้อประกันรถยนต์ ที่ช่วยคุ้มครองเหตุไม่คาดฝันบนท้องถนน คุ้มครองอุบัติเหตุจากรถ ค่ารักษาพยาบาลทั้งผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร และคู่กรณี มีประกันรถยนต์ไว้คู่ใจ ไปไหนจะได้ไม่ต้องกังวล

ขอบคุณข้อมูลจาก: bolttech.co.th