5 สาเหตุที่ฟิล์มรถยนต์หมดอายุ
อัพเดทเมื่อ Thu Jun 29 2023
เจอปัญหา ฟิล์มรถยนต์เสื่อมสภาพ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้บ่อยๆ สำหรับคนใช้รถยนต์ ซึ่งสาเหตุนั้นเกิดขึ้นจากหลายปัจจัย อย่างเช่นอายุการใช้งานนานเกินกำหนด เพราะฟิล์มกรองแสงส่วนใหญ่จะมีอายุการใช้งานประมาณ 5-10 ปี โดยขึ้นอยู่กับรุ่นและยี่ห้อฟิล์มกรองแสงที่เลือกใช้ ตลอดวิธีการดูแลรักษารถ ถือว่ามีส่วนสำคัญเช่นเดียวกัน
1. จอดรถตากแดดเป็นเวลานานๆ
เมื่อรถตากแดดเป็นเวลานานๆ ที่ประกอบไปด้วยรังสี UV ที่มีทั้งรังสี UVA รังสี UVB และรังสี UVC นอกจากทำให้เครื่องยนต์ร้อนสูง สีรถซีดเร็วแล้ว ยังทำให้ฟิล์มกรองแสงเสื่อมสภาพเร็ว ฟิล์มสีซีดหรือเพี้ยน และแย่ที่สุดอาจทำให้ฟิล์มล่อนออกจากกระจกได้ ทางที่ดีคุณควรจอดรถในที่ร่ม แต่ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้จริงๆ และต้องจอดรถตากแดดทิ้งไว้ คุณควรหาผ้าคลุมรถที่กรองแสง UV ไว้จะดีกว่า เพื่อยืดอายุการใช้งานของฟิล์มกรองแสง
2. ฟิล์มมีสารเคลือบที่คุณภาพต่ำ
ก่อนอื่นขอบอกว่า ฟิล์มกรองแสงรถยนต์มีหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็น ฟิล์มกรองแสงแบบปกติ ฟิล์มกรองแสงรถยนต์แบบคาร์บอน ฟิล์มกรองแสงเซรามิค เป็นต้น หากเราใช้ฟิล์มกรองแสงดำธรรมดาที่ย้อมสีกับฟิล์มฉาบโลหะ มักจะเคลือบสารที่มีคุณภาพ จึงป้องกันความร้อนจากแสงแดดได้น้อย แต่ถ้าเลือกฟิล์มกรองแสงประเภทฟิล์มเซรามิค หรือฟิล์มนาโน จุดเด่นคือ มีคุณสมบัติป้องกันรังสี UVA/UVB ได้ 99.9% และรังสีอินฟราเรด(IR) ได้สูงมากกว่า 80% ถึงแม้ราคาสูงกว่าหากเปรียบเทียบกับคุณภาพที่ได้รับ ถือว่าคุ้มค่ามากกว่า
3 ติดตั้งฟิล์มไม่ได้มาตรฐาน
อีกหนึ่งปัจจัยคือ การติดตั้งฟิล์มรถยนต์ที่ไม่ได้รับมาตรฐาน ตัวอย่างเช่น เก็บรายละเอียดไม่ดี รีบร้อนในการติดตั้ง เป็นต้น อาจทำให้เนื้อฟิล์มมีฝุ่นและฟิล์มเสื่อมสภาพได้ง่าย เพราะฉะนั้นคุณควรนำรถไปติดตั้งฟิล์มที่มีคุณภาพและได้รับมาตรฐานการติดตั้งฟิล์มเป็นอย่างดี ในปัจจุบันนี้ก็มีศูนย์บริการให้เลือกเพียบ
4 อายุการใช้งานครบกำหนด
เมื่อครบอายุการใช้งานของฟิล์มกรองแสง เราควรเปลี่ยนฟิล์มใหม่เพื่อให้การมองเห็นของเราดีขึ้น ไม่เป็นอันตรายขณะขับรถ โดยฟิล์มแต่ละประเภทจะมีอายุการใช้งานที่ต่างกันอย่างเช่น ฟิล์มกรองแสงรถยนต์แบบคาร์บอน มีอายุการใช้งานนาน 7-10 ปี แต่ถ้าเป็นฟิล์มนาโนจะมีอายุการใช้งานนานถึง 10 ปี นอกจากนี้การดูแลรักษาฟิล์มรถก็มีผลต่ออายุการใช้งานฟิล์มรถยนต์เช่นกัน
การเลือกฟิล์มที่ไม่มีคุณภาพ นอกจากเสียเวลามาติดตั้งฟิล์มใหม่แล้ว อาจทำให้คุณต้องเปลี่ยนฟิล์มกรองแสงบ่อยๆ เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มกว่าเดิม และอาจทำให้วิสัยทัศน์ไม่ดี เป็นอันตรายต่อการขับขี่ ดังนั้นก่อนการติดฟิล์มกรองแสง แนะนำให้ศึกษาประเภทของฟิล์มกรองแสงรถยนต์ และมาตรฐานในการติดตั้งให้ดีๆ ตลอดวิธีการดูแลฟิล์มรถหลังจากการติดตั้งเสร็จ เพื่อยืดอายุการใช้งานของฟิล์มรถ ทำให้รถยนต์อยู่กับเราได้นานมากที่สุด
ขอบคุณข้อมูลจาก: bolttech.co.th
1. จอดรถตากแดดเป็นเวลานานๆ
2. ฟิล์มมีสารเคลือบที่คุณภาพต่ำ
ก่อนอื่นขอบอกว่า ฟิล์มกรองแสงรถยนต์มีหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็น ฟิล์มกรองแสงแบบปกติ ฟิล์มกรองแสงรถยนต์แบบคาร์บอน ฟิล์มกรองแสงเซรามิค เป็นต้น หากเราใช้ฟิล์มกรองแสงดำธรรมดาที่ย้อมสีกับฟิล์มฉาบโลหะ มักจะเคลือบสารที่มีคุณภาพ จึงป้องกันความร้อนจากแสงแดดได้น้อย แต่ถ้าเลือกฟิล์มกรองแสงประเภทฟิล์มเซรามิค หรือฟิล์มนาโน จุดเด่นคือ มีคุณสมบัติป้องกันรังสี UVA/UVB ได้ 99.9% และรังสีอินฟราเรด(IR) ได้สูงมากกว่า 80% ถึงแม้ราคาสูงกว่าหากเปรียบเทียบกับคุณภาพที่ได้รับ ถือว่าคุ้มค่ามากกว่า
3 ติดตั้งฟิล์มไม่ได้มาตรฐาน
อีกหนึ่งปัจจัยคือ การติดตั้งฟิล์มรถยนต์ที่ไม่ได้รับมาตรฐาน ตัวอย่างเช่น เก็บรายละเอียดไม่ดี รีบร้อนในการติดตั้ง เป็นต้น อาจทำให้เนื้อฟิล์มมีฝุ่นและฟิล์มเสื่อมสภาพได้ง่าย เพราะฉะนั้นคุณควรนำรถไปติดตั้งฟิล์มที่มีคุณภาพและได้รับมาตรฐานการติดตั้งฟิล์มเป็นอย่างดี ในปัจจุบันนี้ก็มีศูนย์บริการให้เลือกเพียบ
4 อายุการใช้งานครบกำหนด
การเลือกฟิล์มที่ไม่มีคุณภาพ นอกจากเสียเวลามาติดตั้งฟิล์มใหม่แล้ว อาจทำให้คุณต้องเปลี่ยนฟิล์มกรองแสงบ่อยๆ เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มกว่าเดิม และอาจทำให้วิสัยทัศน์ไม่ดี เป็นอันตรายต่อการขับขี่ ดังนั้นก่อนการติดฟิล์มกรองแสง แนะนำให้ศึกษาประเภทของฟิล์มกรองแสงรถยนต์ และมาตรฐานในการติดตั้งให้ดีๆ ตลอดวิธีการดูแลฟิล์มรถหลังจากการติดตั้งเสร็จ เพื่อยืดอายุการใช้งานของฟิล์มรถ ทำให้รถยนต์อยู่กับเราได้นานมากที่สุด
ขอบคุณข้อมูลจาก: bolttech.co.th