7 รถกระบะมือสองน่าซื้อ ปี 2023 สมรรถนะแรง ราคาโดน!
อัพเดทเมื่อ Thu Jan 04 2024
หากคุณกำลังตามหารถกระบะมือสองสักคัน แล้วเป็นกังวลในเรื่องกลัวจะโดนย้อมแมวขาย หรือไม่มีความรู้และความเข้าใจในการเลือกซื้อรถมือสองสักเท่าไหร่ รู้ใจได้รวบรวมวิธีการเลือกซื้อรถในตลาดรถมือสอง พร้อมบอกต่อ 7 รถกระบะมือสองน่าซื้อ ประจำปี 2023 มาให้คุณ มาเรียนรู้วิธีเลือกซื้อเพื่อให้ได้รถมือสองที่ตอบโจทย์ สำหรับคนที่กำลังตามหา “รถกระบะมือสอง” ในสภาพดี และราคาจับต้องได้ รู้ใจได้ลิสต์มาให้คุณทำความรู้จักทั้ง 7 อันดับด้วยกัน พร้อมทริคเช็คสภาพรถยนต์มือสองเบื้องต้นที่คุณต้องรู้ ด้านล่างนี้เลย
1. Isuzu D-Max 1.9 X-Series Z Space Cab
ราคารถกระบะเริ่มต้น : 469,000 บาท
หากกำลังตามหารถกระบะมือสองที่ขึ้นชื่อในเรื่องของการประหยัดน้ำมัน ขับระยะทางไกลได้ดี Isuzu D-Max 1.9 X-Series Z Space Cab นับเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ตอบโจทย์ได้ดีมาก ๆ นอกจากนี้ยังมีความโดดเด่นจากรุ่นอื่นตรงที่มีดีไซน์สปอร์ตมากขึ้น รูปลักษณ์โฉบเฉี่ยว แต่ยังคงแข็งแกร่งตามสไตล์รถกระบะ ขับรถทางไกลแค่ไหนก็ไม่หวั่น ไม่ต้องกังวลเรื่องน้ำมันหมดระหว่างทาง และไม่ต้องห่วงเรื่องการหาอะไหล่เปลี่ยนยากอีกด้วย
2. Ford Ranger Double Cab Hi-Rider FX4
ราคารถกระบะเริ่มต้น : 539,000 บาท
Ford Ranger Double Cab รถกระบะ 4 ประตูสัญชาติอเมริกันที่มีสไตล์เป็นเอกลักษณ์ ความพิเศษคือสามารถขับลุยน้ำได้สูงถึง 800 มม. รวมถึงมีการเพิ่มมิติภายในห้องโดยสารให้กว้างขวางมากขึ้น เหมาะสำหรับสายลุยที่ชอบเดินทางไกล เนื่องจากรถกระบะรุ่นนี้ถูกออกแบบให้รองรับทุกสถานการณ์ มาพร้อมกับพละกำลังสูงสุด 160 แรงม้า และแรงบิด 385 นิวตันเมตร เร่งเครื่องได้ไม่มีสะดุด ไม่ต้องกังวลเรื่องใด ๆ เพราะด้วยระบบความปลอดภัยแบบจัดเต็ม
3. Toyota Hilux Vigo 2.5E Double Cab Prerunner
ราคารถกระบะเริ่มต้น : 439,000 บาท
TOYOTA HILUX VIGO 2.5 Double Cab แม้จะออกรุ่นใหม่ ๆ หลายรุ่นแล้ว แต่รุ่นนี้ก็ยังคงเป็นที่ต้องการของตลาดอยู่เสมอ ด้วยจุดเด่นเรื่องความแรงของเครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2.5 VN เทอร์โบ อินเตอร์คูลเวอร์ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ให้แรงมากกว่าเดิม สามารถเร่งเครื่องได้ดีไม่มีตก และยังประหยัดน้ำมันแบบสุด ๆ นอกจากนี้ยังเป็นรถกระบะ 4 ประตู มาพร้อมกับขนาดห้องโดยสารที่กว้างขวาง ตกแต่งสไตล์ทูโทน ช่วยเพิ่มความหรูหราได้เป็นอย่างดี ตอบโจทย์ทุกการใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
4. Mitsubishi Triton Double Cab 2.4 GT Premium
ราคารถกระบะเริ่มต้น : 739,000 บาท
Mitsubishi Triton ให้ความเป็นรถกระบะดีไซน์สปอร์ตอย่างชัดเจน รถกระบะ 4 ประตู พร้อมระบบเกียร์อัตโนมัติ เครื่องยนต์ดีเซลมีขนาดความจุถึง 2.4 ลิตร และกำลังสูงสุดถึง 181 แรงม้า มีความแข็งแรงเนื่องจากโครงสร้างตัวถังที่แข็งแกร่ง ช่วงล่างแน่น ให้ความอุ่นใจด้วยระบบความปลอดภัยที่ทันสมัย ตอบโจทย์คนที่ชอบรถสไตล์ SUV ขนาดเล็ก
5. Toyota Hilux Revo 2.4 SMART CAB
ราคารถกระบะเริ่มต้น : 359,000 บาท
Toyota Hilux Revo ถือเป็นรถกระบะรุ่นยอดฮิตในตลาดรถมือสองก็ว่าได้ เนื่องจากเป็นรถที่สามารถใช้งานได้หลากหลาย ดีไซน์ภายนอกมีความโดดเด่น อินเทรนด์ตลอดเวลา แถมยังมาพร้อมกับไฟหน้า projector ที่มีระบบเปิด-ปิดอัตโนมัติตามสภาพแวดล้อมภายนอก ในส่วนของภายในห้องโดยสารก็สามารถนั่งได้ทั้งครอบครัว มีความกว้างขวาง เบาะที่นั่งนั่งสบาย ช่วงล่างของรถยนต์จะใช้แบบ DCS ซึ่งออกแบบให้มีการทรงตัวที่มั่นคงในเวลาที่เร่งเครื่องยนต์ให้เร็วขึ้น ส่งผลให้ลดแรงสั่นสะเทือนภายในห้องโดยสารได้เป็นอย่างดี
6. Nissan Navara Double Cab Calibre EL
ราคารถกระบะเริ่มต้น : 479,000 บาท
Nissan Navara รถกระบะ 4 ประตูที่มีความโดดเด่นในเรื่องดีไซน์ที่เน้นความแข็งแกร่ง ดุดัน ทนทานต่อการใช้งาน เหมาะสำหรับคนที่ชอบใช้รถแบบสมบุกสมบัน นอกจากนี้ยังมาพร้อมฟังก์ชันชุดตกแต่งรอบคัน และช่วงล่างที่มีโรงสร้างที่ใช้แชสซีส์เหล็กกล้าชิ้นเดียวตลอดทั้งคัน เสริมสร้างความแข็งแกร่งได้เป็นอย่างดี แถมยังมีระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ซึ่งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานของรถกระบะรุ่นนี้ด้วย
7. Mitsubishi Triton 2.5 GLX MEGA CAB
ราคารถกระบะเริ่มต้น : 345,000 บาท
Mitsuboshi Triton 2.5 เป็นรุ่นที่มีความสวยงามด้านดีไซน์แสนจะลงตัว ทั้งแบบสปอร์ตและความแข็งแรงตามแบบฉบับรถกระบะ ถือเป็นรถกระบะราคาไม่เกิน 500,000 บาทที่น่าจับตามองมาก ๆ เนื่องจากอะไหล่หาง่าย จะซ่อมบำรุงกี่ครั้งก็ไม่ต้องกลัวค่าใช้จ่ายบานปลาย นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มระบบความปลอดภัย เช่น ระบบเบรก ABS และ EBD พร้อมระบบล็อกประตูอัตโนมัติเมื่อรถวิ่งด้วยความเร็วอีกด้วย
รถกระบะทั้ง 7 รุ่นที่เรานำมาบอกต่อ เป็นรุ่นฮิตติดตลาดที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่ ความนิยมก็ยังไม่ลดลงมากจนเกินไป แถมสมรรถนะและฟังก์ชันต่าง ๆ ก็ตอบโจทย์ความต้องการได้เป็นอย่างดี หากคุณเป็นอีกหนึ่งคนที่กำลังมองหากระบะมือสองน่าเล่น บอกเลยว่าห้ามพลาดเด็ดขาด !
ซื้อรถมือสองต้องตรวจสภาพรถยนต์ยังไง?
รถมือสองคือรถที่ผ่านการใช้งานมาแล้ว แน่นอนว่าจะต้องมีการสึกหรอไปตามกาลเวลา ดังนั้นหากคุณกำลังมองหารถกระบะมือสองสักคัน จำเป็นจะต้องตรวจเช็กสภาพรถอย่างถี่ถ้วน เพื่อป้องกันค่าใช้จ่ายในการซ่อมรถที่อาจจะตามมาในภายหลัง หลัก ๆ เลยก็คือจะต้องดูว่ารถคันนั้นผ่านอุบัติเหตุที่รุนแรงมาหรือไม่ พร้อมกับตรวจเช็ครายละเอียดดังนี้
1. รูปทรงของรถ
สิ่งที่ควรดูก็คือ ความสมดุลของโครงสร้างรถ เนื่องจากรถที่ใช้งานทั่วไปไม่ควรมีส่วนไหนเอียงผิดปกติ เช่น ฝากระโปรง ประตู เสาหลังคา กันชน หรืออื่น ๆ หากเช็คแล้วพบว่ามีส่วนไหนเอียง โดยไม่มีการดัดแปลงสภาพรถมาก่อน สันนิษฐานไว้เลยว่ารถคันดังกล่าวอาจผ่านการชนหนัก ๆ มา
2. คานหน้ารถ
สำหรับการตรวจเช็คคานหน้ารถ คือ การดูจากสีข้างในโดยเฉพาะตรงรูน็อตว่ากลมปกติหรือไม่ รวมถึงดูรูปทรงของคานว่าเป็นทรงปกติดีหรือเปล่า เนื่องจากคานเป็นส่วนที่รับน้ำหนัก ถ้าเคยชนมาอาจมีร่องรอยปรากฏอยู่
3. สภาพสีรถยนต์
การเลือกซื้อรถมือสอง สีรถมีความสำคัญค่อนข้างมาก เนื่องจากสามารถบ่งบอกร่องรอยการชนได้จากความหนาของสีแต่ละจุด คนที่เซียนมาก ๆ ส่วนใหญ่จะใช้วิธีการเคาะ เพราะนอกจากจะบอกความแตกต่างของเสียงได้แล้ว ยังบอกถึงรอยแผลที่สีกลบอยู่ได้อีกด้วย หากรถคันนั้นมีการทำสีรถมาทั้งคัน โดยไม่มีเหตุดี ๆ มารองรับ แนะนำให้หลีกเลี่ยงไว้จะดีกว่า เพราะอาจเคยเกิดอุบัติเหตุชนหนักหรือคว่ำมา
ซื้อรถมือสองต้องเช็คประวัติ
การตรวจสอบประวัติรถมือสองที่ต้องการซื้อ สามารถทำได้ง่าย ๆ โดยดูประวัติจากเล่มทะเบียน เนื่องจากเป็นสิ่งที่จะบอกถึงชื่อผู้ครอบครองที่ถูกต้องตามกฎหมาย สี เลขตัวถัง ตำหนิที่ติดมากับรถ หรือถ้าหากต้องการความชัวร์ ก็ให้ไปตรวจเช็คที่กรมขนส่งทางบก แผนกทะเบียนรถ เพื่อให้รู้กันไปเลยว่าข้อมูลที่ได้มาเป็นข้อมูลที่ถูกต้องหรือไม่
นอกจากการเลือกซื้อรถมือสองคู่ใจสักคัน การเลือกความคุ้มครองด้วยการทำประกันรถยนต์มือสอง ก็จะช่วยคุณลดความเสี่ยงทางการเงินหากเกิดอุบัติเหตุ ที่รู้ใจมีประกันรถยนต์ที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของคุณ เพราะคุณสามารถเลือกแผนความคุ้มครองได้ตามใจ แถมช่วยคุณประหยัดสูงสุดถึง 30% เช็คราคาฟรี ไม่ต้องกรอกอีเมลหรือเบอร์โทรก็รู้ราคาได้ทันที
สามารถติดตามข่าวสาร สาระความรู้เกี่ยวกับสุขภาพ รถยนต์ มอเตอร์ไซค์ รวมถึงประกันภัยออนไลน์ต่าง ๆ จากรู้ใจได้ที่ Facebook Page: Roojai หรือคลิกที่นี่เพื่อเพิ่มเราเป็นเพื่อนใน LINE ได้เลย (Official Line ID: @roojai)
1. Isuzu D-Max 1.9 X-Series Z Space Cab
ราคารถกระบะเริ่มต้น : 469,000 บาท
หากกำลังตามหารถกระบะมือสองที่ขึ้นชื่อในเรื่องของการประหยัดน้ำมัน ขับระยะทางไกลได้ดี Isuzu D-Max 1.9 X-Series Z Space Cab นับเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ตอบโจทย์ได้ดีมาก ๆ นอกจากนี้ยังมีความโดดเด่นจากรุ่นอื่นตรงที่มีดีไซน์สปอร์ตมากขึ้น รูปลักษณ์โฉบเฉี่ยว แต่ยังคงแข็งแกร่งตามสไตล์รถกระบะ ขับรถทางไกลแค่ไหนก็ไม่หวั่น ไม่ต้องกังวลเรื่องน้ำมันหมดระหว่างทาง และไม่ต้องห่วงเรื่องการหาอะไหล่เปลี่ยนยากอีกด้วย
2. Ford Ranger Double Cab Hi-Rider FX4
ราคารถกระบะเริ่มต้น : 539,000 บาท
Ford Ranger Double Cab รถกระบะ 4 ประตูสัญชาติอเมริกันที่มีสไตล์เป็นเอกลักษณ์ ความพิเศษคือสามารถขับลุยน้ำได้สูงถึง 800 มม. รวมถึงมีการเพิ่มมิติภายในห้องโดยสารให้กว้างขวางมากขึ้น เหมาะสำหรับสายลุยที่ชอบเดินทางไกล เนื่องจากรถกระบะรุ่นนี้ถูกออกแบบให้รองรับทุกสถานการณ์ มาพร้อมกับพละกำลังสูงสุด 160 แรงม้า และแรงบิด 385 นิวตันเมตร เร่งเครื่องได้ไม่มีสะดุด ไม่ต้องกังวลเรื่องใด ๆ เพราะด้วยระบบความปลอดภัยแบบจัดเต็ม
3. Toyota Hilux Vigo 2.5E Double Cab Prerunner
ราคารถกระบะเริ่มต้น : 439,000 บาท
TOYOTA HILUX VIGO 2.5 Double Cab แม้จะออกรุ่นใหม่ ๆ หลายรุ่นแล้ว แต่รุ่นนี้ก็ยังคงเป็นที่ต้องการของตลาดอยู่เสมอ ด้วยจุดเด่นเรื่องความแรงของเครื่องยนต์ดีเซลขนาด 2.5 VN เทอร์โบ อินเตอร์คูลเวอร์ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ให้แรงมากกว่าเดิม สามารถเร่งเครื่องได้ดีไม่มีตก และยังประหยัดน้ำมันแบบสุด ๆ นอกจากนี้ยังเป็นรถกระบะ 4 ประตู มาพร้อมกับขนาดห้องโดยสารที่กว้างขวาง ตกแต่งสไตล์ทูโทน ช่วยเพิ่มความหรูหราได้เป็นอย่างดี ตอบโจทย์ทุกการใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
4. Mitsubishi Triton Double Cab 2.4 GT Premium
ราคารถกระบะเริ่มต้น : 739,000 บาท
Mitsubishi Triton ให้ความเป็นรถกระบะดีไซน์สปอร์ตอย่างชัดเจน รถกระบะ 4 ประตู พร้อมระบบเกียร์อัตโนมัติ เครื่องยนต์ดีเซลมีขนาดความจุถึง 2.4 ลิตร และกำลังสูงสุดถึง 181 แรงม้า มีความแข็งแรงเนื่องจากโครงสร้างตัวถังที่แข็งแกร่ง ช่วงล่างแน่น ให้ความอุ่นใจด้วยระบบความปลอดภัยที่ทันสมัย ตอบโจทย์คนที่ชอบรถสไตล์ SUV ขนาดเล็ก
5. Toyota Hilux Revo 2.4 SMART CAB
ราคารถกระบะเริ่มต้น : 359,000 บาท
Toyota Hilux Revo ถือเป็นรถกระบะรุ่นยอดฮิตในตลาดรถมือสองก็ว่าได้ เนื่องจากเป็นรถที่สามารถใช้งานได้หลากหลาย ดีไซน์ภายนอกมีความโดดเด่น อินเทรนด์ตลอดเวลา แถมยังมาพร้อมกับไฟหน้า projector ที่มีระบบเปิด-ปิดอัตโนมัติตามสภาพแวดล้อมภายนอก ในส่วนของภายในห้องโดยสารก็สามารถนั่งได้ทั้งครอบครัว มีความกว้างขวาง เบาะที่นั่งนั่งสบาย ช่วงล่างของรถยนต์จะใช้แบบ DCS ซึ่งออกแบบให้มีการทรงตัวที่มั่นคงในเวลาที่เร่งเครื่องยนต์ให้เร็วขึ้น ส่งผลให้ลดแรงสั่นสะเทือนภายในห้องโดยสารได้เป็นอย่างดี
6. Nissan Navara Double Cab Calibre EL
ราคารถกระบะเริ่มต้น : 479,000 บาท
Nissan Navara รถกระบะ 4 ประตูที่มีความโดดเด่นในเรื่องดีไซน์ที่เน้นความแข็งแกร่ง ดุดัน ทนทานต่อการใช้งาน เหมาะสำหรับคนที่ชอบใช้รถแบบสมบุกสมบัน นอกจากนี้ยังมาพร้อมฟังก์ชันชุดตกแต่งรอบคัน และช่วงล่างที่มีโรงสร้างที่ใช้แชสซีส์เหล็กกล้าชิ้นเดียวตลอดทั้งคัน เสริมสร้างความแข็งแกร่งได้เป็นอย่างดี แถมยังมีระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ซึ่งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานของรถกระบะรุ่นนี้ด้วย
7. Mitsubishi Triton 2.5 GLX MEGA CAB
ราคารถกระบะเริ่มต้น : 345,000 บาท
Mitsuboshi Triton 2.5 เป็นรุ่นที่มีความสวยงามด้านดีไซน์แสนจะลงตัว ทั้งแบบสปอร์ตและความแข็งแรงตามแบบฉบับรถกระบะ ถือเป็นรถกระบะราคาไม่เกิน 500,000 บาทที่น่าจับตามองมาก ๆ เนื่องจากอะไหล่หาง่าย จะซ่อมบำรุงกี่ครั้งก็ไม่ต้องกลัวค่าใช้จ่ายบานปลาย นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มระบบความปลอดภัย เช่น ระบบเบรก ABS และ EBD พร้อมระบบล็อกประตูอัตโนมัติเมื่อรถวิ่งด้วยความเร็วอีกด้วย
รถกระบะทั้ง 7 รุ่นที่เรานำมาบอกต่อ เป็นรุ่นฮิตติดตลาดที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่ ความนิยมก็ยังไม่ลดลงมากจนเกินไป แถมสมรรถนะและฟังก์ชันต่าง ๆ ก็ตอบโจทย์ความต้องการได้เป็นอย่างดี หากคุณเป็นอีกหนึ่งคนที่กำลังมองหากระบะมือสองน่าเล่น บอกเลยว่าห้ามพลาดเด็ดขาด !
ซื้อรถมือสองต้องตรวจสภาพรถยนต์ยังไง?
รถมือสองคือรถที่ผ่านการใช้งานมาแล้ว แน่นอนว่าจะต้องมีการสึกหรอไปตามกาลเวลา ดังนั้นหากคุณกำลังมองหารถกระบะมือสองสักคัน จำเป็นจะต้องตรวจเช็กสภาพรถอย่างถี่ถ้วน เพื่อป้องกันค่าใช้จ่ายในการซ่อมรถที่อาจจะตามมาในภายหลัง หลัก ๆ เลยก็คือจะต้องดูว่ารถคันนั้นผ่านอุบัติเหตุที่รุนแรงมาหรือไม่ พร้อมกับตรวจเช็ครายละเอียดดังนี้
1. รูปทรงของรถ
สิ่งที่ควรดูก็คือ ความสมดุลของโครงสร้างรถ เนื่องจากรถที่ใช้งานทั่วไปไม่ควรมีส่วนไหนเอียงผิดปกติ เช่น ฝากระโปรง ประตู เสาหลังคา กันชน หรืออื่น ๆ หากเช็คแล้วพบว่ามีส่วนไหนเอียง โดยไม่มีการดัดแปลงสภาพรถมาก่อน สันนิษฐานไว้เลยว่ารถคันดังกล่าวอาจผ่านการชนหนัก ๆ มา
2. คานหน้ารถ
สำหรับการตรวจเช็คคานหน้ารถ คือ การดูจากสีข้างในโดยเฉพาะตรงรูน็อตว่ากลมปกติหรือไม่ รวมถึงดูรูปทรงของคานว่าเป็นทรงปกติดีหรือเปล่า เนื่องจากคานเป็นส่วนที่รับน้ำหนัก ถ้าเคยชนมาอาจมีร่องรอยปรากฏอยู่
3. สภาพสีรถยนต์
การเลือกซื้อรถมือสอง สีรถมีความสำคัญค่อนข้างมาก เนื่องจากสามารถบ่งบอกร่องรอยการชนได้จากความหนาของสีแต่ละจุด คนที่เซียนมาก ๆ ส่วนใหญ่จะใช้วิธีการเคาะ เพราะนอกจากจะบอกความแตกต่างของเสียงได้แล้ว ยังบอกถึงรอยแผลที่สีกลบอยู่ได้อีกด้วย หากรถคันนั้นมีการทำสีรถมาทั้งคัน โดยไม่มีเหตุดี ๆ มารองรับ แนะนำให้หลีกเลี่ยงไว้จะดีกว่า เพราะอาจเคยเกิดอุบัติเหตุชนหนักหรือคว่ำมา
ซื้อรถมือสองต้องเช็คประวัติ
การตรวจสอบประวัติรถมือสองที่ต้องการซื้อ สามารถทำได้ง่าย ๆ โดยดูประวัติจากเล่มทะเบียน เนื่องจากเป็นสิ่งที่จะบอกถึงชื่อผู้ครอบครองที่ถูกต้องตามกฎหมาย สี เลขตัวถัง ตำหนิที่ติดมากับรถ หรือถ้าหากต้องการความชัวร์ ก็ให้ไปตรวจเช็คที่กรมขนส่งทางบก แผนกทะเบียนรถ เพื่อให้รู้กันไปเลยว่าข้อมูลที่ได้มาเป็นข้อมูลที่ถูกต้องหรือไม่
นอกจากการเลือกซื้อรถมือสองคู่ใจสักคัน การเลือกความคุ้มครองด้วยการทำประกันรถยนต์มือสอง ก็จะช่วยคุณลดความเสี่ยงทางการเงินหากเกิดอุบัติเหตุ ที่รู้ใจมีประกันรถยนต์ที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของคุณ เพราะคุณสามารถเลือกแผนความคุ้มครองได้ตามใจ แถมช่วยคุณประหยัดสูงสุดถึง 30% เช็คราคาฟรี ไม่ต้องกรอกอีเมลหรือเบอร์โทรก็รู้ราคาได้ทันที
สามารถติดตามข่าวสาร สาระความรู้เกี่ยวกับสุขภาพ รถยนต์ มอเตอร์ไซค์ รวมถึงประกันภัยออนไลน์ต่าง ๆ จากรู้ใจได้ที่ Facebook Page: Roojai หรือคลิกที่นี่เพื่อเพิ่มเราเป็นเพื่อนใน LINE ได้เลย (Official Line ID: @roojai)