5 ชิ้นส่วนรถยนต์ ที่ต้องดูแลในช่วงหน้าร้อน
อัพเดทเมื่อ Tue Mar 26 2024
ในช่วงหน้าร้อนประเทศไทย อากาศอบอ้าวแบบนี้ อาจทำให้ชิ้นส่วนของรถยนต์เสื่อมสภาพได้ง่าย เราจะต้องดูแลเป็นพิเศษ เพื่อยืดอายุการใช้งานของรถยนต์ ไม่ให้รถของคุณพัง! งั้นรีบมาเช็กกันก่อนว่า ชิ้นรถยนต์ส่วนไหนบ้าง ที่ต้องดูแลในช่วงหน้าร้อนบ้าง
1. ใบปัดน้ำฝน
หลายคนมองข้ามที่ปัดน้ำฝน เพราะว่าไม่ค่อยได้ใช้งานในช่วงหน้าร้อน แต่ที่ไหนได้หน้าร้อนบางทีก็อาจเจอพายุฝนได้เช่นกัน ในขณะเดียวกันอากาศร้อนๆ แดดแรงจัดอาจทำให้ใบปัดน้ำฝนเสื่อมลง ซึ่งวิธีเช็กที่ปัดน้ำฝนเสื่อมสภาพคือ หากปัดน้ำฝนแล้วกระจกเกิดรอย มีคลื่นไม่เรียบ มีเสียงดังรบกวน แถมเวลาปัดก็ปัดไม่สะอาด อาจเกิดจากยางของใบปัดเริ่มแข็งตัวหรือเสื่อมสภาพนั่นเอง ถึงเวลาที่ต้องดูแลและเปลี่ยนใหม่ได้เเล้ว!
วิธีดูแลใบปัดน้ำฝนง่ายๆ ด้วยตนเอง
ทำความสะอาดใบปัดน้ำฝน หาผ้าชุบน้ำสะอาดเช็ดใบปัดน้ำฝน ไม่จำเป็นต้องใช้น้ำยาทำความสะอาดประเภทอื่น ๆ บางครั้งสารเคมี อาจทำให้ใบปัดเสื่อมคุณภาพ และสีรถเป็นรอยด่าง
2. ขอบยางประตู
ไม่ใช่แค่ใบปัดน้ำฝนเสื่อมสภาพได้ง่ายอย่างเดียว แต่ขอบประตูยางรถยนต์อาจเสื่อมสภาพได้เช่นกัน ยิ่งโดนความร้อน ความเหนียวและยืดหยุ่นในยางจะยิ่งลดลงเรื่อยๆ ทำให้ปิดประตูไม่ค่อยอยู่ และขอบยางไม่สามารถกันน้ำได้ดี ดังนั้นเพื่อนๆ อย่าเข้าไปตรวจสภาพรถยนต์ด้วย
3. ยางรถยนต์
ยางรถยนต์ ถือเป็นชิ้นส่วนที่สำคัญของรถยนต์ ทำหน้าที่รับน้ำหนัก และขับเคลื่อนรถยนต์ หากต้องขับรถทางไกลในขณะที่อากาศข้างนอกร้อน ยิ่งทำให้ความดันภายในยางเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะรถคันไหนที่เติมลมยางปริมาณมาก และเป็นยางที่ผ่านการใช้งานมาแล้ว 2-3 ปีขึ้นไป เมื่อยางเสียดสีกับถนนอาจจะทำให้ยางตึงถึงขั้นระเบิดได้เลยทีเดียว อันตรายมากต่อการขับขี่
วิธีดูแลยางรถยนต์ง่ายๆ ด้วยตนเอง
● เติมลมยางอย่างสม่ำเสมอ หากลมยางอ่อนจนเกินไป ยางจะสะสมความร้อนอยู่ในตัว และเกิดการระเบิดหรือเป็นแผลแตกได้ง่าย ต้องเช็กลมยางอย่างสม่ำเสมอ
● หมั่นตรวจสอบ และตั้งศูนย์ถ่วงล้อ เมื่อขับรถไปสักระยะหนึ่ง หากมีการกระแทก อาจทำให้ศูนย์ถ่วงเสียสมดุลได้
● ตรวจเช็กดอกยาง ยางทุกเส้นนั้นจะมีสะพานยางอยู่ตรงร่องดอกยาง กรณีที่ดอกยางสึกจนถึงสะพานยาง แสดงว่าถึงเวลาที่คุณควจะเปลี่ยนยางรถใหม่แล้ว
● ขับรถอย่างนุ่มนวล เช่น ไม่ขับรถเร็วนานๆ ไม่หักเลี้ยวเร็ว ไม่ว่าจะเป็นหลุมบ่อ ถนนขรุขระ เพื่อยืดอายุการใช้งานยางรถของคุณ ไม่ให้สึกหรอเร็วกว่าที่กำหนด
● ไม่บรรทุกของหนักเกินกว่าที่ยางรุ่นนั้นๆ สามารถรับนํ้าหนักได้
● หากตรวจเช็กว่า ยางแบน ยางสึก ยางปูดบวม นูน ออกมาจากปกติ ควรรีบเปลี่ยนยางใหม่โดยทันที อาการนี้อาจทำให้ยางรถระเบิด
4. หม้อน้ำ
หม้อน้ำ ถือเป็นตัวช่วยในการระบายความร้อนของเครื่องยต์ หากเครื่องยนต์ร้อนสูง หรือเรียกอีกอย่างนึงว่าเครื่องยนต์โอเวอร์ฮีท (Overheat) จะทำให้ระบบระบายความร้อนผิดปกติ รั่วซึม น้ำในระบบหล่อเย็น (น้ำในหม้อน้ำ) ไม่เพียงพอ ดังนั้นคุณควรหมั่นเช็กระดับน้ำในหม้ออยู่ในปริมาณที่กำหนดหรือไม่
วิธีเช็กระดับน้ำในหม้อน้ำง่ายๆ ด้วยตนเอง ดังนี้
● ขอย้ำก่อนว่า! ห้ามเปิดฝาหม้อน้ำตอนเครื่องร้อนเด็ดขาด เพราะถ้าเครื่องยนต์ร้อนสูง อาจเกิดโดนน้ำเดือดพุ่งเข้าหน้าได้
● เช็กระดับน้ำหล่อเย็นควรอยู่ระหว่างขีดระดับเต็ม “FULL” และ ขีดระดับต่ำ “LOW” ถ้าระดับน้ำหล่อเย็นต่ำกว่าขีด “LOW” ให้เติมน้ำยาหล่อเย็นจนถึงขีดระดับ “FULL”
● หากน้ำเริ่มเป็นสีสนิม ควรเข้าศูนย์บริการเพื่อเปลี่ยนถ่ายน้ำยาหล่อเย็น
5. แบตเตอรี่รถยนต์
สุดท้ายนี้ก็คงหนีไม่พ้น แบตเตอรีรถยนต์ ที่เป็นอุปกรณ์ในรถที่สำคัญ ทำหน้าที่เป็นแหล่งเก็บไฟสำรองรถ หากรถยนต์ใช้งานหนัก แล้วเจอกับอากาศที่ร้อนจัดๆ อาจทำให้เเบตเตอรีเสื่อมสภาพได้เช่นกัน เกิดปัญหารถสตาร์ทไม่ติด รถมีเสียงดังแชะๆ ขณะที่สตาร์ทรถได้
วิธีดูแบตเตอรีรถยนต์ง่ายๆ ด้วยตนเอง
● ตรวจสอบระดับน้ำกลั่นในแบตเตอรี ในช่วงหน้าร้อนนี้คอยระวังอย่าให้น้ำกลั่นแห้ง หมั่นเติมน้ำกลั่นให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม
● ทำความสะอาดขั้วแบตเตอรี่ อย่าปล่อยให้ขั้วแบตเตอรี่สกปรก มีขี้เกลือเกาะ เพราะอาจทำให้รถสตาร์ทไม่ติด หรือแบตเตอรี่เสื่อมไว
● สตาร์ทรถอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 ครั้ง เพื่อเติมไฟให้แบตเตอรี่ ป้องกันแบตเตอรี่เสื่อมด้วย
● หลีกเลี่ยงจอดรถในอากาศร้อนจัด อุณหภูมิที่ร้อนสูง อาจทำให้มีผลกระทบกับแบตเตอรีรถยนต์ ช่วงหน้าร้อนควรจอดรถในที่ร่ม หรือในสภาพแวดล้อมที่ไม่ร้อนจัด ป้องกันไม่ให้แสงแดดทำลายผิวของรถด้วย
เพราะอุณหภูมิยิ่งสูง ก็ยิ่งมีผลต่อทุกส่วนของรถยนต์ ดังนั้นการดูแลรถในช่วงหน้าร้อน สามารถช่วยยืดอายุการใช้งานรถ ไม่ให้รถเสื่อมสภาพได้ แล้วไม่เพียงแค่เสียเวลา แต่ยังช่วยไม่ให้คุณต้องเสียค่าซ่อมรถแพงๆ ด้วยนะ เพื่อความสบายใจก่อนออกเดินทาง อย่าลืมซื้อประกันรถยนต์ที่ bolttech.co.th อุ่นใจตลอดการขับขี่ คุ้มครองทั้งรถทั้งคน ซื้อง่ายผ่านออนไลน์ เช็กเบี้ยฟรี รู้ราคาทันที เปรียบเทียบแผนได้!
ขอบคุณข้อมูลจาก: bolttech.co.th
1. ใบปัดน้ำฝน
หลายคนมองข้ามที่ปัดน้ำฝน เพราะว่าไม่ค่อยได้ใช้งานในช่วงหน้าร้อน แต่ที่ไหนได้หน้าร้อนบางทีก็อาจเจอพายุฝนได้เช่นกัน ในขณะเดียวกันอากาศร้อนๆ แดดแรงจัดอาจทำให้ใบปัดน้ำฝนเสื่อมลง ซึ่งวิธีเช็กที่ปัดน้ำฝนเสื่อมสภาพคือ หากปัดน้ำฝนแล้วกระจกเกิดรอย มีคลื่นไม่เรียบ มีเสียงดังรบกวน แถมเวลาปัดก็ปัดไม่สะอาด อาจเกิดจากยางของใบปัดเริ่มแข็งตัวหรือเสื่อมสภาพนั่นเอง ถึงเวลาที่ต้องดูแลและเปลี่ยนใหม่ได้เเล้ว!
วิธีดูแลใบปัดน้ำฝนง่ายๆ ด้วยตนเอง
ทำความสะอาดใบปัดน้ำฝน หาผ้าชุบน้ำสะอาดเช็ดใบปัดน้ำฝน ไม่จำเป็นต้องใช้น้ำยาทำความสะอาดประเภทอื่น ๆ บางครั้งสารเคมี อาจทำให้ใบปัดเสื่อมคุณภาพ และสีรถเป็นรอยด่าง
2. ขอบยางประตู
ไม่ใช่แค่ใบปัดน้ำฝนเสื่อมสภาพได้ง่ายอย่างเดียว แต่ขอบประตูยางรถยนต์อาจเสื่อมสภาพได้เช่นกัน ยิ่งโดนความร้อน ความเหนียวและยืดหยุ่นในยางจะยิ่งลดลงเรื่อยๆ ทำให้ปิดประตูไม่ค่อยอยู่ และขอบยางไม่สามารถกันน้ำได้ดี ดังนั้นเพื่อนๆ อย่าเข้าไปตรวจสภาพรถยนต์ด้วย
3. ยางรถยนต์
ยางรถยนต์ ถือเป็นชิ้นส่วนที่สำคัญของรถยนต์ ทำหน้าที่รับน้ำหนัก และขับเคลื่อนรถยนต์ หากต้องขับรถทางไกลในขณะที่อากาศข้างนอกร้อน ยิ่งทำให้ความดันภายในยางเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะรถคันไหนที่เติมลมยางปริมาณมาก และเป็นยางที่ผ่านการใช้งานมาแล้ว 2-3 ปีขึ้นไป เมื่อยางเสียดสีกับถนนอาจจะทำให้ยางตึงถึงขั้นระเบิดได้เลยทีเดียว อันตรายมากต่อการขับขี่
วิธีดูแลยางรถยนต์ง่ายๆ ด้วยตนเอง
● เติมลมยางอย่างสม่ำเสมอ หากลมยางอ่อนจนเกินไป ยางจะสะสมความร้อนอยู่ในตัว และเกิดการระเบิดหรือเป็นแผลแตกได้ง่าย ต้องเช็กลมยางอย่างสม่ำเสมอ
● หมั่นตรวจสอบ และตั้งศูนย์ถ่วงล้อ เมื่อขับรถไปสักระยะหนึ่ง หากมีการกระแทก อาจทำให้ศูนย์ถ่วงเสียสมดุลได้
● ตรวจเช็กดอกยาง ยางทุกเส้นนั้นจะมีสะพานยางอยู่ตรงร่องดอกยาง กรณีที่ดอกยางสึกจนถึงสะพานยาง แสดงว่าถึงเวลาที่คุณควจะเปลี่ยนยางรถใหม่แล้ว
● ขับรถอย่างนุ่มนวล เช่น ไม่ขับรถเร็วนานๆ ไม่หักเลี้ยวเร็ว ไม่ว่าจะเป็นหลุมบ่อ ถนนขรุขระ เพื่อยืดอายุการใช้งานยางรถของคุณ ไม่ให้สึกหรอเร็วกว่าที่กำหนด
● ไม่บรรทุกของหนักเกินกว่าที่ยางรุ่นนั้นๆ สามารถรับนํ้าหนักได้
● หากตรวจเช็กว่า ยางแบน ยางสึก ยางปูดบวม นูน ออกมาจากปกติ ควรรีบเปลี่ยนยางใหม่โดยทันที อาการนี้อาจทำให้ยางรถระเบิด
4. หม้อน้ำ
หม้อน้ำ ถือเป็นตัวช่วยในการระบายความร้อนของเครื่องยต์ หากเครื่องยนต์ร้อนสูง หรือเรียกอีกอย่างนึงว่าเครื่องยนต์โอเวอร์ฮีท (Overheat) จะทำให้ระบบระบายความร้อนผิดปกติ รั่วซึม น้ำในระบบหล่อเย็น (น้ำในหม้อน้ำ) ไม่เพียงพอ ดังนั้นคุณควรหมั่นเช็กระดับน้ำในหม้ออยู่ในปริมาณที่กำหนดหรือไม่
วิธีเช็กระดับน้ำในหม้อน้ำง่ายๆ ด้วยตนเอง ดังนี้
● ขอย้ำก่อนว่า! ห้ามเปิดฝาหม้อน้ำตอนเครื่องร้อนเด็ดขาด เพราะถ้าเครื่องยนต์ร้อนสูง อาจเกิดโดนน้ำเดือดพุ่งเข้าหน้าได้
● เช็กระดับน้ำหล่อเย็นควรอยู่ระหว่างขีดระดับเต็ม “FULL” และ ขีดระดับต่ำ “LOW” ถ้าระดับน้ำหล่อเย็นต่ำกว่าขีด “LOW” ให้เติมน้ำยาหล่อเย็นจนถึงขีดระดับ “FULL”
● หากน้ำเริ่มเป็นสีสนิม ควรเข้าศูนย์บริการเพื่อเปลี่ยนถ่ายน้ำยาหล่อเย็น
5. แบตเตอรี่รถยนต์
สุดท้ายนี้ก็คงหนีไม่พ้น แบตเตอรีรถยนต์ ที่เป็นอุปกรณ์ในรถที่สำคัญ ทำหน้าที่เป็นแหล่งเก็บไฟสำรองรถ หากรถยนต์ใช้งานหนัก แล้วเจอกับอากาศที่ร้อนจัดๆ อาจทำให้เเบตเตอรีเสื่อมสภาพได้เช่นกัน เกิดปัญหารถสตาร์ทไม่ติด รถมีเสียงดังแชะๆ ขณะที่สตาร์ทรถได้
วิธีดูแบตเตอรีรถยนต์ง่ายๆ ด้วยตนเอง
● ตรวจสอบระดับน้ำกลั่นในแบตเตอรี ในช่วงหน้าร้อนนี้คอยระวังอย่าให้น้ำกลั่นแห้ง หมั่นเติมน้ำกลั่นให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม
● ทำความสะอาดขั้วแบตเตอรี่ อย่าปล่อยให้ขั้วแบตเตอรี่สกปรก มีขี้เกลือเกาะ เพราะอาจทำให้รถสตาร์ทไม่ติด หรือแบตเตอรี่เสื่อมไว
● สตาร์ทรถอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 ครั้ง เพื่อเติมไฟให้แบตเตอรี่ ป้องกันแบตเตอรี่เสื่อมด้วย
● หลีกเลี่ยงจอดรถในอากาศร้อนจัด อุณหภูมิที่ร้อนสูง อาจทำให้มีผลกระทบกับแบตเตอรีรถยนต์ ช่วงหน้าร้อนควรจอดรถในที่ร่ม หรือในสภาพแวดล้อมที่ไม่ร้อนจัด ป้องกันไม่ให้แสงแดดทำลายผิวของรถด้วย
เพราะอุณหภูมิยิ่งสูง ก็ยิ่งมีผลต่อทุกส่วนของรถยนต์ ดังนั้นการดูแลรถในช่วงหน้าร้อน สามารถช่วยยืดอายุการใช้งานรถ ไม่ให้รถเสื่อมสภาพได้ แล้วไม่เพียงแค่เสียเวลา แต่ยังช่วยไม่ให้คุณต้องเสียค่าซ่อมรถแพงๆ ด้วยนะ เพื่อความสบายใจก่อนออกเดินทาง อย่าลืมซื้อประกันรถยนต์ที่ bolttech.co.th อุ่นใจตลอดการขับขี่ คุ้มครองทั้งรถทั้งคน ซื้อง่ายผ่านออนไลน์ เช็กเบี้ยฟรี รู้ราคาทันที เปรียบเทียบแผนได้!
ขอบคุณข้อมูลจาก: bolttech.co.th