5 วิธีดูแลรถยนต์ไฟฟ้า ถนอมแบตเตอรี่ ยืดอายุการใช้งานไปยาวๆ

อัพเดทเมื่อ Fri Apr 05 2024

https://tiresbid-images.s3.ap-southeast-1.amazonaws.com/2024-04-05/121955-1712294395-header.webp
     รถไฟฟ้าEV เป็นรถที่ได้รับความนิยมค่อนข้างมากในปัจจุบัน เพราะประโยชน์มีมากมาย ทั้งช่วยประหยัดค่าน้ำมัน ปล่อยมลพิษน้อยกว่า รวมไปถึงลดมลพิษทางเสียง แต่ก่อนจะมีรถยนต์ไฟฟ้าสักคันจำเป็นจะต้องเข้าใจวิธีดูแลให้ดีซะก่อน เพื่อให้รถคู่ใจของคุณมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน

●    5 วิธีดูแลถนอมแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า
○    ชาร์จถูกวิธี บ่อยแค่ไหนก็ไม่ทำให้แบตเสื่อมเร็ว
○    หลีกเลี่ยงการชาร์จเต็ม 100%
○    เลี่ยงจอดรถไว้กลางแดด
○    ควรตรวจสอบแรงดันลมรถยนต์ไฟฟ้า
○    ไม่ใช้การชาร์จแบบ DC บ่อยเกินไป
●    ซื้อรถยนต์ไฟฟ้าสักคัน นอกจากแบตเตอรี่ ต้องดูแลอะไรบ้าง?

     หากคุณเป็นอีกหนึ่งคนที่ลังเลว่าซื้อรถไฟฟ้าดีไหม หรือคนที่เป็นเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าคู่ใจแล้ว ถ้าไม่อยากมานั่งกังวลเรื่องค่าเปลี่ยนแบตเตอรี่ที่มหาศาลแล้ว มารู้ 5 วิธีดูแลรถไฟฟ้าก่อน ด้านล่างนี้เลย

1. ชาร์จถูกวิธี บ่อยแค่ไหนก็ไม่ทำให้แบตเสื่อมเร็ว
หลาย ๆ คนมักคิดว่าการชาร์จแบต รถไฟฟ้าบ่อยอาจทำให้แบตเตอรี่เสื่อมได้ แต่ต้องบอกก่อนว่าแบตเตอรี่รถยนต์เป็นแบบ Lithium-ion ดังนั้นจำนวนครั้งที่ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่จะไม่เสื่อมลงอย่างที่เข้าใจผิด และยังไม่ส่งผลต่ออายุการใช้งานด้วย เพียงแต่คุณจะต้องรักษาระดับแบตเตอรี่ให้อยู่ในช่วง 30-80% เป็นอันเพียงพอแล้ว

2. หลีกเลี่ยงการชาร์จเต็ม 100%
แม้ว่าการชาร์จแบตเตอรี่เต็ม 100% จะช่วยให้คุณใช้รถได้ไกลขึ้น แต่ถ้าหากคุณปล่อยให้แบตเหลือ 0% และชาร์จเข้าไปใหม่จนเต็ม 100% อาจส่งผลกระทบต่ออายุการใช้งานของแบตได้เลยล่ะ ซึ่งค่าบำรุงหรือเปลี่ยนแบตรถไฟฟ้าไม่ใช่น้อย ๆ เลย แถมบางรุ่นยังกำหนดไว้เลยว่าให้ชาร์จสูงสุดแค่ 80% เท่านั้น และอีกหนึ่งข้อดีของการชาร์จแบตไม่เต็มคือ “ระบบ Regenerative Breaking” จะสามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพนั่นเอง

3. เลี่ยงจอดรถไว้กลางแดด
ต้องทำความเข้าใจธรรมชาติของรถไฟฟ้าก่อนว่า ตามปกติแล้วจะมีระบบจัดการความร้อนเพื่อรักษาอุณหภูมิของแบตเตอรี่ หากว่าคุณนำรถไปจอดทิ้งไว้กลางแดดร้อนอบอ้าวเป็นเวลานาน ระบบดังกล่าวจะทำงานอยู่ตลอดเวลา ทำให้เกิดการใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ แม้ว่าช่วงขณะนั้นรถจะจอดอยู่ก็ตาม 

สำหรับใครที่กำลังมองหาความคุ้มครองรถยนต์ไฟฟ้า ประกันรถยนต์ไฟฟ้าที่รู้ใจ เป็นประกันออนไลน์ที่ให้คุณสามารถปรับแผนได้ตามใจ มีเครืออู่และศูนย์ซ่อมทั่วไทย แถมลดสูงสุด 30% และยังเลือกผ่อนได้สูงสุด 10 เดือน มีบริการเสริมช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนน 24 ชม. ไปที่ไหนก็อุ่นใจ ให้รู้ใจดูแลคุณ
 

ซื้อรถยนต์ไฟฟ้าสักคัน นอกจากแบตเตอรี่ ต้องดูแลอะไรบ้าง?
รู้ใจรวบรวมจุดที่ควรดูแลเป็นพิเศษสำหรับรถไฟฟ้า EV นอกจากดูแลชาร์จแบตรถไฟฟ้า ต้องดูแลดังนี้
1.    ต้องเช็คสภาพรถตามระยะที่กำหนดเสมอ
2.    สังเกตุผ้าเบรกเป็นประจำว่ามีความผิดปกติหรือเสียงดังหรือไม่
3.    เช็คของเหลวต่าง ๆ ในรถยนต์ไฟฟ้า เช่น น้ำมันเบรค น้ำหล่อเย็น หากลดก็ควรเติมเพิ่มหรือไปที่ศูนย์บริการ
4.    มอเตอร์ไฟฟ้า ควรเช็คว่าการทำงานผิดจากปกติหรือไม่ เพราะหากเสียหรือขัดข้อง ราคาซ่อมค่อนข้างสูง

4. ควรตรวจสอบแรงดันลมยางรถยนต์ไฟฟ้า
ไม่ว่ารถยนต์ประเภทไหนก็ควรตรวจสอบแรงดันลมของยางรถยนต์เสมอ โดยไม่ควรเติมมากเกินไปเพราะอาจทำให้ยางแข็งส่งผลให้การยึดเกาะถนนลดลง เสี่ยงต่อการที่ยางระเบิด การเติมลมยางที่แม่นยำควรเติมตามที่ระบุไว้ในคู่มือรถของคุณ

5. ไม่ใช้การชาร์จแบบ DC บ่อยเกินไป
คนที่มีรถยนต์ไฟฟ้า ขอย้ำว่าหลายคนมักชอบชาร์จแบบ DC เนื่องจากเป็นไฟฟ้ากระแสตรง เช่น ในห้างสรรพสินค้า ปั๊มน้ำมัน เป็นต้น ใช้เวลาชาร์จไม่นาน แบบนี้แหละส่งผลต่ออายุการใช้งานแบตเตอรี่โดยตรงเลยล่ะ เนื่องจากเป็นลักษณะการชาร์จแบบอัดประจุเข้าไปเป็นจำนวนมาก ภายในระยะเวลานิดเดียว หากไม่มีความจำเป็นที่ต้องเดินทางไกลบ่อย ๆ หรือรีบใช้รถขนาดนั้น แนะนำให้ชาร์จแบบ AC หรือไฟฟ้ากระแสสลับ ซึ่งจะเป็นการชาร์จข้ามคืนจากไฟบ้านจะดีกว่า

ทั้ง 5 วิธีดูแลรถยนต์ไฟฟ้าที่เรานำมาบอกต่อเมื่อข้างต้น บอกเลยว่าช่วยยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ได้จริง หากคุณสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของตัวเอง ได้ตามที่เราบอกไป รับประกันเลยว่าคุณจะไม่ต้องมานั่งปวดหัวกับปัญหาต่าง ๆ แม้แต่นิดเดียวเลยล่ะ

ก่อนจากกัน สำหรับใครที่มองหารถยนต์ไฟฟ้า อยากมีทางเลือกในการประหยัดน้ำมัน รู้ใจแถมทริคเลือกรถยนต์ไฟฟ้ายังไงให้เหมาะกับคุณ เพราะการตัดสินใจซื้อรถถือเป็นการตัดสินใจที่ค่อนข้างใหญ่ ดังนั้นคุณจะต้องคิดอย่างรอบคอบ ถี่ถ้วน จากการพิจารณาปัจจัยดังต่อไปนี้

1. รถไฟฟ้าเหมาะกับไลฟ์สไตล์เรามั้ย?
การใช้รถยนต์ไฟฟ้ายังเหมาะกับการเดินทางระยะสั้น เช่นขับรถไปทำงาน แวะห้าง แวะเดินเล่นไม่ไกลมากนัก แล้วกลับไปชาร์ตที่บ้านหรือห้างสรรพสินค้า ส่วนการเดินทางระยะไกล ยังต้องวางแผนให้ดีเพราะสถานีชาร์จยังมีจำกัด

2. ดูประสิทธิภาพของรถยนต์ไฟฟ้า
อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามคือ “ระยะการขับขี่ต่อ 1 การชาร์จ” ชาร์จ 1 ครั้งสามารถพาคุณไปไกลได้แค่ไหน เพียงพอต่อความต้องการมั้ย และดู “ขนาดมอเตอร์ขับเคลื่อน” ควบคู่กันด้วย เพราะรถที่มีแรงบิดมหาศาล ไม่ได้หมายความว่าจะเร็วและแรงเสมอไป บางรุ่นอาจใส่มอเตอร์ขับเคลื่อนขนาดเล็ก เพื่อจุดประสงค์ในการประหยัดพลังงานไฟฟ้า แต่แลกมาด้วยการรัดเค้นพลังมากเกินไป อาจทำให้มอเตอร์ร้อนเร็วได้เช่นกัน

3. ดูเรื่องการรับประกัน บริการหลังการขาย และของแถม
บริการหลังการขายหลัก ๆ ทั่วไปไม่ได้มีเกณฑ์ต่างจากรถยนต์สันดาปสัก แต่จะต้องเน้นไปที่ “การรับประกันระบบไฟฟ้าแบตเตอรี่” มากหน่อย เนื่องจากเป็นหัวใจสำคัญของรถยนต์ไฟฟ้านั่นเอง ซึ่งส่วนใหญ่จะให้การรับประกันที่ 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตรขึ้นไป ขึ้นอยู่กับว่าระยะใดถึงก่อน แต่จำไว้ว่าถ้าได้มากกว่านี้จะดีมาก

ข้อดีรถไฟฟ้าEV นอกจากประหยัดและปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังเป็นหนึ่งในยานพานะที่ดูแลไม่ยากแต่ต้องดูแลให้ดี โดยเฉพาะในเรื่องของแบตเตอรี่ซึ่งหัวใจสำคัญของการขับเคลื่อนของรถยนต์ไฟฟ้าก็ว่าได้ แถมค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนหรือซ่อมยังค่อนข้างเอาเรื่องมาก ๆ ในตอนแรกเริ่มของตลาดบ้านเรา ถ้าไม่อยากต้องมานั่งคิดไม่ตกกับปัญหาที่อาจตามมา กับค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง ควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและเรียนรู้ที่จะดูแลอย่างถูกต้องตั้งแต่เนิ่น ๆ

สามารถติดตามข่าวสาร สาระความรู้เกี่ยวกับสุขภาพ รถยนต์ มอเตอร์ไซค์ รวมถึงประกันภัยออนไลน์ต่าง ๆ จากรู้ใจได้ที่ Facebook Page: Roojai หรือคลิกที่นี่เพื่อเพิ่มเราเป็นเพื่อนใน LINE ได้เลย (Official Line ID: @roojai)