รถมีควันดำแบบไหน เสี่ยงโดนปรับ?

     ควันจากท่อไอเสียรถ นอกจากสร้างความรำคาญใจต่อผู้ใช้ถนน และเป็นมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมแล้ว หากผู้ขับขี่ใช้งาน รถควันดำ ที่มีค่าเกินมาตรฐาน คุณอาจเสี่ยงโดนปรับ และไม่ให้ใช้งานรถได้ งั้นเรามาดูกันสิว่า มาตรการควบคุมควันดำ ต้องไม่เกินเท่าไร วันนี้เรามีคำตอบมาฝากทุกท่าน ไปอ่านกันเลย! 

     เพราะว่าในบ้านเรา กำลังเจอปัญหาฝุ่น PM 2.5 หนึ่งในสาเหตุก็มาจากควันดำของท่อไอเสียรถยนต์ เป็นการเผาไหม้ไม่สมบูรณ์ ปัญหาควันดำเกิดจากหลายปัจจัย เช่น น้ำมันเชื้อเพลิงคุณภาพต่ำ กรองอากาศอุดตัน  ปรับแต่งปั๊มหัวฉีดไม่เหมาะสม หัวฉีดปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิงชำรุด ทำให้รถบางคันมีควันดำออกมามากผิดปกติ แบบนี้ผิดกฎหมาย !! ทั้งนี้การตรวจวัดควันดำด้วยเครื่องวัด มีข้อกำหนดไว้ดังต่อไปนี้  
  
●    ตรวจวัดควันดำด้วยเครื่องวัดควันดำระบบวัดความทึบแสง ค่าควันดำสูงสุดไม่เกินร้อยละ 30 (เดิม ร้อยละ 45) 
●    ตรวจวัดควันดำด้วยเครื่องวัดควันดำระบบกระดาษกรอง ค่าควันดำสูงสุดไม่เกินร้อยละ 40 (เดิม ร้อยละ 50)  
  
การตรวจควันดำใหม่
     ได้มีผลบังคับใช้กับการตรวจวัดควันดำรถที่ผ่านการตรวจสภาพรถก่อนจดทะเบียน หรือตรวจสภาพรถก่อนชำระภาษีประจำปีที่สำนักงานขนส่ง และ สถานตรวจสภาพรถเอกชน (ตรอ.) ดังนั้นเจ้าของรถควรนำรถไปตรวจสภาพ เพื่อตรวจสอบให้แน่ใจว่า ไม่มีค่าควันดำเกินที่มาตรฐานกำหนด  
  
ใช้รถควันดำที่เกินมาตรฐานกำหนด มีโทษอะไรบ้าง? 
     หากผู้ใดฝ่าฝืนใช้งานรถควันดำ กรณีที่ตรวจด้วยระบบวัดความทึบแสง มีค่าควันดำเกินร้อยละ 30 หรือตรวจวัดควันดำด้วยระบบกระดาษกรอง แล้วมีค่าควันดำ เกินร้อยละ 40 มีโทษปรับสูงสุด 5,000 บาท   

     และสั่งห้ามใช้รถด้วยการพ่นข้อความ “ห้ามใช้” จนกว่าเจ้าของรถจะนำรถไปแก้ไขสภาพเครื่องยนต์ไม่ให้มีค่าควันดำเกินกำหนด ต้องนำมาตรวจสภาพอีกครั้งจนผ่านการตรวจวัด จึงนำรถไปใช้งานได้ 
 
วิธีป้องกันปัญหารถควันดำจากท่อไอเสีย 
 
การบำรุงรักษารถยนต์ ดูแลรถยนต์ เป็นสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้เลย มันจะช่วยลดควันดำของท่อไอเสีย และ ยืดอายุการใช้งานรถของคุณได้ 

1. เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง 
     เปลี่ยนถ่ายน้ำมัน จะช่วยหล่อลื่นชิ้นส่วนต่าง ๆ ภายในเครื่องยนต์ ลดการเสียดสีและสึกหรอ ทำให้เกิดเขม่าควันดำ ดังนั้นคุณควรเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องตามระยะการใช้งานของรถ ดังนี้ 
●    น้ำมันเครื่องเกรดธรรมดา ควรเปลี่ยนทุกๆ 5,000 กิโลเมตร  
●    น้ำมันเครื่อง กึ่งสังเคราะห์ ควรเปลี่ยนทุกๆ 7,500-8,000 กิโลเมตร 
●    น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ ควรเปลี่ยนทุกๆ 10,000-15,000 กิโลเมตร 
  
2. เปลี่ยนไส้กรองอากาศ       
     การเปลี่ยนไส้กรองอากาศ ทุกๆ 10,000 กิโลเมตร เพื่อช่วยให้อากาศเข้าสู่เครื่องยนต์ได้อย่างดี ลดการเกิดการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ และเจ้าของรถควรตรวจหมั่นเช็คระบบไอเสียเป็นประจำ 
 
3. ตรวจสอบระบบไอเสีย  
      เช่น ท่อไอเสีย และ ตัวกรองเขม่า เพื่อลดปัญหาควันดำ มลพิษทางอากาศ กรณีที่พบว่า ท่อไอเสียรถมีควันดำ ควรนำรถไปตรวจสภาพที่ศูนย์ซ่อม หรือ อู่ซ่อมใกล้บ้าน โดยให้ช่างผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบ และแก้ปัญหาโดยเร็วที่สุด 
  
4. เลือกน้ำมันเครื่องที่มีคุณภาพ  
     แนะนำให้เลือกใช้น้ำมันเครื่องที่มีคุณภาพ ผ่านการรับรองมาตรฐาน API เพื่อช่วยให้การเผาไหม้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ป้องกันการเกิดสนิม ลดเขม่าควันดำ ช่วยหล่อลื่นชิ้นส่วนต่าง ๆ ภายในเครื่องยนต์ดีขึ้น 

      หากเจ้าของรถพบว่า รถมีควันดำออกมาจากท่อไอเสีย ควรนำรถไปเข้าศูนย์ซ่อม หรืออู่ซ่อมรถ เพื่อให้ช่างเข้ามาตรวจสอบ และแก้ไขปัญหาโดยเร็วที่สุด อย่าฝืนใช้รถที่มีควันดำเกินค่ามาตรฐานเด็ดขาด นอกจากเสี่ยงโดนตำรวจปรับ คุณอาจเสี่ยงโดนไม่ให้ใช้งานรถด้วย ควรทำตามกฎหมายจะดีที่สุด ช่วยลดมลพิษทางอากาศด้วย รักษาโลกของเราไว้ 

ขอบคุณข้อมูลจาก: bolttech.co.th